อนุทิน ย้ำไทยมีวัคซีนโควิดครอบคลุม 37 ล้านคน ปีนี้เปิดประเทศได้-ฟื้นฟูเศรษฐกิจเร็วขึ้น

อนุทิน ย้ำไทยมีวัคซีนโควิดครอบคลุม 37 ล้านคน ปีนี้เปิดประเทศได้-ฟื้นฟูเศรษฐกิจเร็วขึ้น

อนุทิน ย้ำไทยมีวัคซีนโควิดครอบคลุม 37 ล้านคน ปีนี้เปิดประเทศได้-ฟื้นฟูเศรษฐกิจเร็วขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอ สามารถฉีดให้กับประชาชนได้กว่า 37 ล้านคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในประเทศ ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และเปิดประเทศได้ภายในปี 2564 พร้อมปรับแผนขยายจำนวนหน่วยบริการฉีด เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนมากขึ้น

วันนี้ (27 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไว้อย่างเพียงพอสำหรับคนไทยกลุ่มเสี่ยงทุกคน และทุกเชื้อชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงของประเทศ ตามความสมัครใจโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเดิมจำนวนประชากรเป้าหมายของประเทศที่จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 มีจำนวน 30 ล้านคน ด้วยความพยายามของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนเพิ่มและความชำนาญของบุคลากรทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีน ทำให้ประเทศไทยมีวัคซีนโควิด-19 สำหรับฉีดให้กับคนในประเทศได้ประมาณ 37 ล้านคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการฉีดให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 ทำให้คนในประเทศเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลให้เปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น

นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนโควิด-19 ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการการฉีดวัคซีนเนื่องจากทราบข้อมูลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ในส่วนกลุ่มเป้าหมายอื่นที่อาจตกหล่น เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในแต่ละพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานไปยังหน่วยงานตรง เพื่อจัดสรรวัคซีนให้กับสถานบริการในสังกัดนำไปฉีดโดยเฉพาะ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยสำรวจกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม ให้เกิดความครอบคลุมในการรับวัคซีนมากขึ้น

ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม 2564 ได้จัดสรรวัคซีนไปยังพื้นที่เป้าหมายต่างๆ แล้วจำนวน 270,500 โดส จากซิโนแวค 190,720 โดส และแอสตร้าเซนเนก้า 79,780 โดส ฉีดให้กับประชาชนไปแล้ว 148,905 โดส ซึ่งวัคซีนจากซิโนแวคจะมาเพิ่มอีก 800,000 โดส ในเดือนเมษายน กระทรวงสาธารณสุขจะมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนโดยขยายจำนวนหน่วยบริการตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนมากขึ้น

“เมื่อวานนี้ (26 มีนาคม 2564) ได้ไปติดตามความคืบหน้าการจัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนด้วยตนเอง ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งพบว่าระบบการฉีดเป็นไปตามขั้นตอน มีความเรียบร้อยดี ผู้ที่มารับการฉีดทุกคนเป็นกลุ่มเป้าหมายตามแผน จากการติดตามอาการหลังการฉีดตามระบบส่วนใหญ่ไม่มีอาการข้างเคียง และขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนตามนัดให้ครบทั้ง 2 เข็ม เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ” นายอนุทิน กล่าว

ขณะที่เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำวันว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 25 มีนาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 136,190 โดส แบ่งเป็นผู้รับวัคซีนเข็มแรก 121,392 ราย และรับวัคซีนครบ 2 เข็ม 14,798 ราย ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยเดือนมีนาคมยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีนในเข็มที่ 2 อย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีวัคซีนเพิ่มมากขึ้นในเดือนถัดๆ ไป จะเพิ่มสถานพยาบาลฉีดวัคซีนรองรับ เช่น เดือนเมษายนจะฉีดในสถานพยาบาล 100 แห่ง หรือกรกฎาคมเพิ่มเป็น 1,500 แห่ง ทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนที่กำหนด รวมถึงหากกระจายฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลก็จะทำให้การฉีดวัคซีนมีความครอบคลุมและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณี ศบค.เห็นชอบการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จาก 14 วันเหลือ 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ยกเว้นประเทศต้นทางของผู้เดินทางทุกสัญชาติที่มีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ที่กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังและประกาศกำหนด ซึ่งเราให้ความสำคัญกับสายพันธุ์ที่ทำให้แพร่ได้เร็วขึ้น รุนแรงขึ้น หรือกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีน จะให้กักตัว 14 วันเหมือนเดิม

ซึ่งขณะนี้เราเฝ้าระวังสายพันธุ์แอฟริกาใต้อยู่ เช่น แอฟริกาใต้ ซิมบับเว โมซัมบิก บอตสวานา แซมเบีย เคนยา รวันดา แคมารูน คองโก กานา และแทนซาเนีย เป็นต้น คงกักตัว 14 วันเหมือนเดิม ทั้งนี้ จะส่งข้อมูลให้แก่กระทรวงการต่างประเทศและประกาศลงในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค มีการอัปเดตทุก 2 สัปดาห์ โดยพิจารณาจากข้อมูลทางระบาดวิทยา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook