ร.ต.อ.ไล่ยิงเมียสนั่นโรงพัก ก่อนยิงตัวตาย แม่ช็อก! ยันลูกชายเป็นคนดี แต่มีปัญหาครอบครัว

ร.ต.อ.ไล่ยิงเมียสนั่นโรงพัก ก่อนยิงตัวตาย แม่ช็อก! ยันลูกชายเป็นคนดี แต่มีปัญหาครอบครัว

ร.ต.อ.ไล่ยิงเมียสนั่นโรงพัก ก่อนยิงตัวตาย แม่ช็อก! ยันลูกชายเป็นคนดี แต่มีปัญหาครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ร.ต.อ.ไล่ยิงเมียสนั่นโรงพัก ก่อนยิงหัวตัวเองดับ แม่เผยลูกชายเป็นคนดี อยู่กินกับเมียมา 20 ปี เพิ่งโทรมาปรึกษาปัญหาครอบครัว

วานนี้ (21 มี.ค) เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น​. ได้เกิดเหตุยิงกันบนโรงพักใน จ.จันทบุรี จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส  2 ราย ทราบชื่อคือ ร.ต.อ.ธนากรณ์ เพาะเจริญ รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.ทุ่งเบญจา วัย 49 ปี ซึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

อีกรายคือ น.ส.จินตนา อายุ 52 ปี ภรรยาของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ มีบาดแผลถูกยิงเข้าตามลำตัวหลายแห่ง โดยพบรอยกระสุนทั้งหมด 8 แห่ง ส่วนใหญ่เข้าที่บริเวณช่วงอกและลำตัว แต่ยังคงพูดคุยตอบโต้ได้ 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. คืนวันที่ 21 มีนาคม 2564 ร.ต.อ.ธนากรณ์ เพาะเจริญ รอง สวป.สภ.ทุ่งเบญจา ผู้เสียชีวิต อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรประจำวัน ได้มีปากเสียงกับ น.ส.จินตนา เพาะเจริญ อายุ 52 ปี ภรรยา ที่บริเวณลานปูนด้านหลังโรงพัก

จนเมื่อเวลา 03.00 น. ทั้งสองคนเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ทำให้ ร.ต.อ.ธนากรณ์ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนพกออกมายิง น.ส.จินตนา ภรรยา จำนวน 4-5 นัด ก่อนที่ น.ส.จินตนา ผู้บาดเจ็บ พาร่างโชกเลือด ได้วิ่งหนีขึ้นมาบนโรงพักบริเวณหน้าห้องขังเพื่อมาขอความช่วยเหลือจาก ร.ต.อ.เอกณกร อะเวลา ที่ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรหน้าห้องขัง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ โดยมี ร.ต.อ.ธนากรณ์ วิ่งไล่ตามหลังมา และใช้อาวุธปืนยิงใส่อีก 2 นัด จากนั้นได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงศีรษะตัวเองจนล้มลง

ขณะที่ ร.ต.อ.เอกณกร ได้รีบพา น.ส.จินตนา ผู้บาดเจ็บ ที่ยังพอมีสติวิ่งหนีออกมาหน้าห้องรับแจ้งความ จน น.ส.จินตนา ผู้บาดเจ็บล้มลงฟุบหมดสติ เนื่องจากถูกยิงตามร่างกายหลายแห่ง และเสียเลือดมาก จากนั้นจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ มารับตัวทั้งสองคนนำส่งโรงพยาบาล แต่ ร.ต.อ.ธนากรณ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตลงระหว่างทาง

ส่วนทางล่าสุด น.ส.จินตนา ภรรยารอง สว.ปราบปราม ได้ถูกนำตัวส่งเข้ามารักษาต่อยังโรงพยาบาลพระปกเกล้าฯ ขณะนี้ได้รับการผ่าตัดเอากระสุนออกมาได้ทั้งหมดแล้ว แต่อาการยังโคม่า ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ล่าสุดที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 3 บ้านอุปรี ต.ไค้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหลังจากทางญาติได้เดินทางไปรับศพของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ เพาะเจริญ นำมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้าน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าญาติพี่น้องทุกคนยังรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ 

นางประครอง แม่ของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ เพาะเจริญ  บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า ร.ต.อ.ธนากรณ์ เป็นลูกชายคนโต โดยมีพี่น้องด้วยกัน 4 คน ซึ่งลูกชายได้รับราชการตำรวจตั้งแต่เรียนจบก็ได้ไปทำงานอยู่ที่ จ.จันทบุรี ได้ประมาณ 30 ปี ส่วนภรรยาก็ได้อยู่ด้วยกันมาได้ประมาณ 20 ปี ซึ่งปกติแล้วพอมีเรื่องปัญหาภายในครอบครัวก็จะโทรศัพท์มาปรึกษาแม่อยู่ตลอดเวลา โดยแม่ก็ได้บอกให้ค่อยพูดค่อยจากัน ไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุอุกอาจเช่นนี้ ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์ขึ้นตนเองก็รู้สึกเสียใจมาก รับไม่ได้ไม่คิดว่าลูกชายจะด่วนตัดสินใจทำอย่างนี้ ซึ่งช่วงก่อนเกิดเหตุตนก็ได้พูดคุยกับลูกชายและบอกให้ใจเย็นๆ กลับมาบ้านก่อน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็ให้เขาไปหมดแล้ว แต่ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน โดยลูกชายเป็นคนดีมาตลอดและชอบช่วยเหลือคน ตนจึงรู้สึกเสียใจมากซึ่งอยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายบ้างเพราะหลายคนมองว่าลูกชายเป็นคนไม่ดี 

ทางด้าน พ.จ.อ.วารินทร์ เพาะเจริญ น้องชาย บอกว่า นิสัยส่วนตัวของพี่ชาย เป็นตำรวจน้ำดีและเป็นคนดี ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ สุขุม ใจเย็น ตั้งใจทำงาน ถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานส่งน้องเรียนๆ เรียนจบจนมีงานทำที่ดีทุกคน และจากการที่พี่ชายตัดสินใจก่อเหตุและจากไปอย่างกะทันหันในครั้งนี้ ทางครอบครัวเสียใจและยังทำใจไม่ได้ ส่วนเรื่องปัญหาที่ตัดสินใจคิดสั้นก่อเหตุในครั้งนี้คาดว่ามาจากเรื่องปัญหาขัดแย้งในครอบครัว ส่วนตื้นลึกหนาบางนั้นไม่มีใครทราบ

ส่วนวันที่ไปรับศพของพี่ชายตนก็รู้สึกเสียใจที่ถูกกดดันบางเรื่อง และมีการตรวจค้นร่างกายเหมือนเป็นนักโทษ มีการตรวจสอบทุกอย่างและมีการกล่าวหาว่าลักทรัพย์อีก ซึ่งพวกตนก็บริสุทธิ์ใจเพียงต้องการจะไปรับศพพี่ชายไม่ได้มีความต้องการที่จะไปลักทรัพย์อย่างที่ถูกกล่าวหา ส่วนงานศพพี่ชายก็จัดตามสภาพครอบครัว เงินไม่มี ทำได้เท่าที่ทำ เพื่อจะส่งดวงวิญญาณพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันพุธ ที่ 24 มีนาคม 2564 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook