"โรม" แฉแหลก "ตั๋วช้าง" บัตรผ่านเลื่อนยศตำรวจ "บิ๊กตู่" เดือด อย่าพูดลอยๆ

"โรม" แฉแหลก "ตั๋วช้าง" บัตรผ่านเลื่อนยศตำรวจ "บิ๊กตู่" เดือด อย่าพูดลอยๆ

"โรม" แฉแหลก "ตั๋วช้าง" บัตรผ่านเลื่อนยศตำรวจ "บิ๊กตู่" เดือด อย่าพูดลอยๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุที่ต้องอภิปรายทั้งสองคนเนื่องจากบริหารราชแผ่นดินล้มเหลว และไม่โปร่งใสที่มีต่อการบริหารราชการตำรวจจนกลายเป็นที่ซ่องสุมกลุ่มที่จะกอบโกยยศและตำแหน่งไว้กับตนเองและพวกพ้อง

ตั้งแต่สมัยพล.อ.ประวิตร กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ปี 2557 มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบ่งการการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง จนก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์และการใช้เส้นสายในวงการตำรวจ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากำกับดูแลด้วยตนเองก็ยังปล่อยให้คนเหล่านั้นลอยนวลต่อไป ทำให้วงการตำรวจเพิกเฉยต่ออาชญากรรม กระทำกับผู้บริสุทธิ์ เปิดบ่อนไม่ว่า ค้ายาไม่สอบ เจอเจ้าพ่อน้อมนอบแต่เจอม็อบสู้ตาย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทำให้เป็นเวทีของคนฝั่งรัฐบาลและตำรวจมาพูดคุยตัดสินใจร่วมกันในงานของตำรวจ รวมถึงการโยกย้าย แต่กลับละเลยการดูแลปัญหา จนเกิดปัญหาเรื่องตั๋วตำรวจ และมีการทำหนังสือราชการเป็นตั๋วจากคนที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้นถามว่าพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ รวมทั้งการเลื่อนขั้นนายตำรวจบางนายที่เติบโตอย่างรวดเร็วและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ก.ตร. ทำให้คนทำงานเสียกำลังใจและทำลายระบบคุณธรรมของตำรวจ นอกจากนี้ยังมีการโอนย้ายตำรวจ 1,319 นายไปเป็นข้าราชการประเภทอื่นที่ไม่สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมี 66 นายถูกลงนามคำสั่งโดยผบ.ตร.ให้ไปปรับทัศนคติ ทำให้เหลือ 873 คนตนถามว่าทำไมต้องไปลงโทษคนที่เขาไม่พร้อมด้วย

“ในการทำหน้าที่ส.ส. ผมรู้ว่าครั้งนี้เป็นการทำหน้าที่อันตรายที่สุดในชีวิต แต่เมื่อประชาชนเลือกมาแล้วก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ผมไม่รู้ว่าผลจากการทำหน้าที่ในวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ไม่รู้ว่า 3 วันข้างหน้ามีอะไรรออยู่ ไม่รู่ว่า 3 เดือนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น จะยังพูดแทนประชาชนได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่เสียใจที่ได้ทำหน้าที่ของผมในวันนี้” รังสิมันต์ กล่าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ โดยยืนยันว่าในสมัยที่ตนเองเป็นประธาน คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ได้ทำตามระเบียบของตำรวจและตามกฏหมายทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ส่วนรายละเอียดเรื่องใครได้ตำแหน่งหรือไม่ได้ เป็นเรื่องของภายในว่าจะต้องพิจารณาว่าใครมีความสามารถอย่างไร และอยู่ในดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาว่าจะรับพิจารณาหรือไม่

ส่วนกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการตำรวจนั้น เป็นการเสนอโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยต้องพิจารณาตามความรู้ความสามารถประสบการณ์ และเหตุผลอันสมควรที่ต้องแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่ง ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถพิเศษเฉพาะทางและยืนยันว่า การแต่งตั้งที่ผ่านมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบตำรวจปี 2547 และกฎของ ก.ตร. ทุกประการ

ขณะที่การกล่าวหาว่าตำรวจ ไม่ได้รับ ความเป็นธรรมนั้น กรณีนี้ได้ให้โอกาสสามารถร้องเรียนร้องทุกข์ได้ ตามขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนร้องศาลปกครองและกระบวนการยุติธรรมทางอื่นได้ด้วย ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาตลอด เพราะฉะนั้นตำรวจส่วนใหญ่มีความพอใจในการทำงานที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าใช้อำนาจและไม่ให้โอกาสในการร้องเรียนชี้แจงเพราะตนเองสั่งเองไม่ได้ทั้งหมด อย่างต้องเป็นไปตามมติของคณะกรรมการ

ส่วนการที่จะบอกว่าใครเสียเงินเพื่อแลกกับตำแหน่งนั้นตนเองเคยย้ำแล้วว่า หากมีจริงขอให้ร้องเรียนมาที่ตนเองโดยตรง เพราะเคยประกาศไปแล้วหลายครั้ง การจะบอกว่าใครมีใบเสร็จหรือทุจริตจะต้องมีทั้งผู้รับ และผู้ให้การจะอ้างว่าตนเองและพลเอกประวิตรได้ประโยชน์จึงขอถามว่าได้ประโยชน์จากที่ไหนมีหลักฐานหรือไม่ ขออย่าพูดลอยๆ และย้ำว่าบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่

นายกรัฐมนตรี ยังขอความเห็นใจองค์กรตำรวจจึงเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีกำลังพลกว่า 200,000 คน ต้องทำงานด้วยความถูกต้อง ด้วยกฏหมาย ส่วนข้อกล่าวหาการแต่งตั้งข้าราชการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ซื้อขายตำแหน่งนั้น ย้ำว่าขอให้ร้องเรียนเข้ามา โดยยืนยันว่าตนเองไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งการเป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นๆ 

ขณะที่การจัดตั้งหน่วยงานในพระองค์ที่เรียกว่าตำรวจมหาดเล็กรักษาพระองค์ นั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า เป็นการปรับย้าย ปรับโอนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติงานใน หน่วยงานดังกล่าวเพื่อดูแลถวายความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด จึงจำเป็นต้องมีการคัดเลือกคัดสรรและสอบถามทัศนคติ หากไม่ผ่านหรือไม่เหมาะสมก็ต้องปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่เดิมไม่มีการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมชี้แจงว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นในการถวายงานอารักขา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ตั้งข้อสังเกตว่า หลายอย่างที่ รังสิมันต์ กล่าวมาทั้งหมดนั้นอยากถามว่ามุ่งหมายอะไร เพราะมีการพูดถึงสามเดือนข้างหน้าว่า ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหลังการอภิปรายครั้งนี้ ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม และตนก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเช่นการที่ รังสิมันต์จะโดนจับหรือไม่ จึงถามว่าการพูดวันนี้มีจุดมุ่งหมายหรือประสงค์อย่างอื่นหรือไม่ พร้อมขออย่าทำให้องค์กรและกฎหมายเสียหาย

สำหรับบรรยากาศอภิปรายของ รังสิมันต์ โรม ฟาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงอยู่เป็นระยะ โดยอ้างว่า รังสิมันต์ กล่าวพาดพิงพระมหากษัตริย์ ก่อนที่ สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 2 จะสั่งตัดการอภิปรายก่อนหมดเวลากำหนดราว 40 นาที ทำให้รังสิมันต์ต้องอภิปรายนอกสภาฯต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook