ผบ.ทบ. เปรียบซื้ออาวุธ "เหมือนกระดาษทิชชู่" ขาดไม่ได้เพราะจำเป็น แต่ปีนี้เน้นซ่อมบำรุง

ผบ.ทบ. เปรียบซื้ออาวุธ "เหมือนกระดาษทิชชู่" ขาดไม่ได้เพราะจำเป็น แต่ปีนี้เน้นซ่อมบำรุง

ผบ.ทบ. เปรียบซื้ออาวุธ "เหมือนกระดาษทิชชู่" ขาดไม่ได้เพราะจำเป็น แต่ปีนี้เน้นซ่อมบำรุง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ผู้บัญชาการทหารบก" ชี้การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เหมือนของใช้ในบ้าน แต่สถานการณ์โควิดปี 64 ยังไม่ทุเลา จึงลดการจัดซื้อลง เน้นการซ่อมบำรุงแทน เพื่อยืดระยะการใช้งาน

วันนี้ (4 ก.พ.) ภายหลังการประชุมร่วมกับ ผบ.หน่วยขึ้นตรง ทบ. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาพูดเรื่องชะลอ 3 โครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในปี 2565 วงเงินรวม 6,152 ล้านบาท กองทัพจะชี้แจงอย่างไร ว่า ไม่ชี้แจง เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลและสภา ทุกอย่างจะต้องชี้แจงในกรรมาธิการในสภาอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่ายุทโธปกรณ์มีความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ก็มีความจำเป็น เพราะทุกอย่างก็เหมือนของในบ้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีของอะไรบ้าง ก็ใช้ตามระยะเวลา พอถึงเวลาเสื่อมก็ต้องซื้อใหม่ถูกต้องไหม แต่แนวทางในสถานการณ์อย่างนี้ได้มอบนโยบายว่าเราจะลด ปีนี้ที่จะเสนอโครงการส่วนใหญ่จะเป็นการซ่อมบำรุง เหมือนของใช้ในบ้านเรายังบำรุงได้อีกนิดหนึ่ง เอามาทำเองพึ่งพาตนเอง ทำให้ใช้ได้อีกระยะหนึ่ง เพราะฉะนั้นทุกอย่างเหมือนของใช้ในบ้าน

"เหมือนกับกระดาษทิชชู่ คุณเข้าห้องน้ำก็ต้องใช้ทิชชู่ คุณบอกว่าทิชชู่ห้ามซื้อปีนี้ ก็ถามว่าเมื่อคุณเข้าห้องน้ำคุณจะใช้อะไร" ผบ.ทบ. กล่าว

เผยครบ 1 ปีกราดยิงโคราช ผู้กระทำผิดได้ชดใช้แล้ว

ทั้งนี้ ในวาระครบรอบเหตุการณ์ที่ห้างเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชสีมา ผบ.ทบ.ระบุว่า 1 ปีที่ผ่านมาเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้ต้องกลับมาอยู่แล้ว ตนไม่ได้กังวล เป็นวันที่ระลึกวันหนึ่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าวทางกองทัพบกและรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปทั้งหมด รวมถึงในส่วนผู้กระทำความผิดทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว

ในส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น กองทัพบกและรัฐบาลได้เยียวยาทั้งเรื่องของเงินตั้งแต่หลักแสนจนถึงจำนวนสูงสุดตามหลักเกณฑ์ประมาณแปดล้านบาท และยังได้ช่วยเหลือในการประกอบอาชีพบรรจุเข้ารับราชการเป็นทหารสังกัดกองทัพบกจำนวน 30 ราย เป็นนายทหาร 1 นาย ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้ยังมีเหลืออีกจำนวน 2 คน โดย 1 รายอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา อีก 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งวันนี้ตนได้มอบหมายให้เจ้ากรมกำลังพลทหารบกเป็นผู้แทนเดินทางไปเยี่ยม

ส่วนของความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ไม่ตรวจทานให้ดีจนทำให้เกิดปัญหา พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า มีจำนวน 13 คน ถูกลงโทษให้ประจำ เพราะมีความผิดที่เรียกกันภาษาทหารว่าประจำ 007 และถูกลดเงินบำเหน็จ ส่วนเรื่องความไม่ระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัย ในปีนี้ได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก และยืนยันว่ามีการดูแลคลังอาวุธหนักเป็นพิเศษอยู่แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook