ผักและผลไม้ ต่างกันอย่างไร

ผักและผลไม้ ต่างกันอย่างไร

ผักและผลไม้ ต่างกันอย่างไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประเทศไทยเรานั้น เป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น ทำให้สภาพแวดล้อมภายในประเทศนั้นเหมาะสมอย่างมากสำหรับการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก มีพืชผักและผลไม้หลายชนิดที่ถูกจัดให้เป็นของพรีเมี่ยมของไทย เพราะไม่สามารถทำการปลูกหรือขยายพันธุ์ได้ในประเทศอื่น ๆ แต่หลาย ๆ คนก็ยังมีความสงสัยว่า เราจะสามารถแยกผักและผลไม้จากกันได้อย่างไร และผักและผลไม้นั้น แตกต่างกันอย่างไร

ผลไม้ เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีการเจริญเติบโตจากเมล็ด กลายเป็นดอก ก่อนจะกลายมาเป็นผล ซึ่งจะมีความแตกต่างจากผักมากพอสมควร เพราะเราจะเลือกทานตรงส่วนที่เป็นผลของต้นที่เกิดจากดอกของพืชชนิดนั้นและในผลนั้นจะมีเมล็ดอยู่ภายใน เช่น แอปเปิ้ล แตงโม ส้ม มะม่วง เป็นต้น ส่วนตรงสวนอื่น ๆ ของลำต้นนั้น ไม่ว่าจะเป็น ใบ กิ่ง ก้าน ลำต้น เราจะไม่รับประทาน แต่ผลไม้บางชนิดนั้นก็สามารถรับประทานได้ขณะที่ยังไม่ออกผล หรือเรียกง่าย ๆ ว่าทานตรงส่วนดอกของพืชชนิดนั้น เช่น กล้วย หากเราเลือกทานตอนที่กล้วยยังเป็นดอกอยู่ หรือที่เรียกว่า หัวปลี ก็สามารถทานได้เช่นเดียวกัน และยังมีผลไม้บางชนิดที่หลายคนยังคิดว่าเป็นผัดอยู่ เช่น แตงกวา ฟักทอง พริกหยวก มะเขือเทศ มะนาว เป็นต้น

ผัก เป็นพืชที่แตกต่างจากผลไม้ตรงที่ งอกออกมาจากเมล็ดและเจริญเติบโตเป็นลำต้นและใบ โดยมีการฝังรากลงไปในดิน ส่วนลำต้นและใบนั้นจะโผล่ขึ้นมาจากดิน โดยผักนั้นมักจะสามารถรับประทานได้ทุกส่วน ทั้งผล ใบ ลำต้นและดอก แต่จะมีความแตกต่างจากผลไม้ตรงที่ส่วนผลนั้นจะไม่มีเมล็ดอยู่ภายใน และเมื่อเรียกชื่อของผักชนิดนั้น ๆ มักจะมีคำนำหน้าว่า “ผัก” เช่น ผักกาด ผักคะน้า ผักชี เป็นต้น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะไม่ได้เรียกคำว่าผักนำหน้าแต่ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มของผักเนื่องจากส่วนผลไม่ได้มีเมล็ดอยู่ด้านใน ได้แก่ แครอท หอมใหญ่ หัวไชเท้า เป็นต้น ผักอีกกลุ่มหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะ

เข้าใจผิดและคิดว่าเป็นผลไม้ ได้แก่ เผือก มันแกว มันหวาน บีทรูท ซึ่งผลของพืชเหล่านี้ไม่มีเมล็ดอยู่ด้านใน ทำให้ถูกจำแนกว่าพืชกลุ่มนี้เป็นผักนั่นเอง

ความนิยมในการรับประทานผัก ส่วนใหญ่นั้นมักจะนิยมนำผักมาปรุงสุกก่อนการรับประทาน เป็นการประกอบอาหารโดยอาจจะทานคู่กับเนื้อสัตว์ต่าง ๆ  เช่น ผัดผัก ต้มจับฉ่าย เป็นต้น แต่ผักนั้นก็ยังสามารถทานโดยที่ไม่ผ่านความร้อนได้เช่นเดียวกัน โดยการทานโดยไม่ผ่านความร้อนนั้น มักนิยมทานคู่กับอาหารที่มีรสจัด เช่น น้ำพริก ไส้กรอกอีสาน เป็นต้น แต่สำหรับการทานผลไม้นั้น สามารถทานได้เลยโดยไม่ต้องผ่านความร้อน โดยผลไม้ส่วนใหญ่มักจะถูกนำมาดัดแปลงเป็นของหวานเพื่อรับประทาน เช่น เค้กกล้วยหอม แอปเปิ้ลพาย แต่ก็ยังมีผลไม้บางส่วนที่ถูกนำไปปรุงทานเป็นอาหารคาว เช่น ฟักทอง เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการประกอบอาหารคาว เช่น แกงเลียง เป็นต้น

ถึงแม้ว่าผักหรือผลไม้ต่าง ๆ นั้นจะมีความแตกต่างกันและเป็นพืชคนละกลุ่มกันก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งผักและผลไม้มีเหมือนกันก็คือ “คุณประโยชน์ในการรับประทาน” การทานผักและผลไม้เป็นประจำนั้น สามารถช่วยให้ร่างกายของเรามีสุขภาพที่ดี สมบูรณ์แข็งแรงได้ นอกจากนั้น ใยอาหารที่อยู่ในผักและผลไม้ยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ทำให้การขับถ่ายอยู่ในสภาวะปกติ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายในส่วนต่าง ๆ และยังมีวิตามินซี วินตามินบีต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงประสาทและสายตาอีกด้วย

เด็กไทยหลาย ๆ คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้น มักจะไม่ค่อยชื่นชอบการทานผัก อาจจะเป็นเพราะรสชาติที่ขมปลาย และสีสันที่ไม่น่ารับประทาน ซึ่งพ่อ – แม่บางคนอาจจะใช้วิธีในการปรุงอาหาร จัดแต่งจานเพื่อให้อาหารนั้นดูน่ารับประทาน หรือลองเลือกซื้อภาชนะสำหรับใส่อาหารที่มีความน่าสนใจมากขึ้นได้ที่ www.โรงงานของพรีเมี่ยม.com เพื่อส่งเสริมให้ลูกของเราทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ลูกของเราสามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และแข็งแรงต่อไปในอนาคต

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.โรงงานของพรีเมี่ยม.com

[Advertorial]  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook