สลด หนุ่มใหญ่ถูกยิงดับหน้าบ้าน ภรรยาป่วยอัมพาตนอนร่ำไห้ข้างศพสามี

สลด หนุ่มใหญ่ถูกยิงดับหน้าบ้าน ภรรยาป่วยอัมพาตนอนร่ำไห้ข้างศพสามี

สลด หนุ่มใหญ่ถูกยิงดับหน้าบ้าน ภรรยาป่วยอัมพาตนอนร่ำไห้ข้างศพสามี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (5 ม.ค. ) เวลาประมาณ14.30 น. มีเหตุยิงกันตายในพื้นที่บ้านทุ่ง ม.5 ต.ละงู อ.ละงู ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านห้องแถว 2 ห้องติดกัน บ้านอยู่ติดถนนในหมู่บ้าน หน้าบ้านหลังหนึ่ง ม. 5 ต.ละงู อ.ละงู พบศพ นายสุรินทร์ อายุ 45 ปี เจ้าของบ้าน นอนตายอยู่หน้าบ้านใกล้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง หรือ ซาเล้ง โดยบนแคร่หน้าบ้านที่อยู่ติดกันมี น.ส.นฤมล อายุ 47 ปี ภรรยาผู้ตาย ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตนอนร้องอยู่เป็นระยะๆ

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายสุรินทร์ ผู้ตาย ออกไปซื้อของที่ตลาดในหมู่บ้านโดยพาภรรยาไปด้วย เนื่องจากภรรยาเป็นอัมพาตเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้และสมองไม่รับรู้ ผู้ตายจึงดัดแปลงรถซาเล้งให้เป็นที่นอนของภรรยาเวลาออกไปซื้อของหรือไปทำธุระอย่างอื่น โดยผู้ตายได้ซื้อแพมเพิร์ส น้ำดื่มและผักสำหรับทำอาหารให้ภรรยาซึ่งต้องกินอาหารเหลวทางสาย

ขณะขับรถถึงบ้านและจอดรถกำลังลงจากรถ ชาวบ้านในละแวกได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5-6 นัด จึงรีบวิ่งมาดู พบผู้ตายถูกยิงนอนเสียชีวิตอยู่ใกล้รถ จึงนำภรรยาที่นอนอยู่บนรถซาเล้งมาไว้ที่แคร่หน้าบ้านของแม่ภรรยา

เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบพบผู้ตายถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิด คาดว่าน่าจะเป็นลูกโม่ กระสุนถูกบริเวณหน้าอก 3 นัด แขนขวา 1 นัด และกระสุนปืนยังถูกภรรยาบริเวณเข่าขวาอีก 1 นัด

ส่วนมูลเหตุนั้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความขัดแย้งของคนในครอบครัว เนื่องจากผู้ตายมีนิสัยขี้โมโห หวาดระแวง ไม่สุงสิงกับใครและไม่ชอบให้ใครมายุ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

เพื่อนบ้านใกล้เคียงรายหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณ 4-5 ทุ่ม ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืนมาแล้วประมาณ 5-6 นัด วันนี้เมื่อกลับบ้านมาก็ทราบว่านายสุรินทร์ถูกยิงตายแล้ว โดยภรรยาของตนซึ่งอยู่บ้านได้ยินเสียงปืนดังชัดเจนเมื่อช่วงบ่าย แต่ก็ไม่นึกว่านายสุรินทร์จะถูกยิงและเสียชีวิต

ซึ่งเพื่อนบ้านในละแวกนี้นายสุรินทร์ก็ไม่เคยถูกกับใครเลย เพราะเขาจะฉุนเฉียวตลอด ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ภรรยา อยู่บ้านก็จะปิดประตูลงกลอน 2–3 ชั้น แม้แต่ญาติภรรยาก็เข้าใกล้ไม่ได้ โดยเฉพาะภรรยานั้นจะไม่ยอมให้ญาติเข้ามาดูแล โดยผู้ตายจะดูแลคนเดียวตลอด ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แม้มีหน่วยงานราชการมาช่วยเหลือผู้ตายก็ไม่ยอมเปิดประตูต้อนรับ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook