"จิ้งหรีดขาว" เปิดใจทั้งน้ำตา รักซ้อนรักเจ็บปางตาย เมียตัวจริงประกาศตัว จนเกือบคิดสั้น

"จิ้งหรีดขาว" เปิดใจทั้งน้ำตา รักซ้อนรักเจ็บปางตาย เมียตัวจริงประกาศตัว จนเกือบคิดสั้น

"จิ้งหรีดขาว" เปิดใจทั้งน้ำตา รักซ้อนรักเจ็บปางตาย เมียตัวจริงประกาศตัว จนเกือบคิดสั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางเอกลิเกดัง จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เผยเรื่องราวความรักบาดแผลในใจที่ไม่อาจลืมเลือน ในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ว่าเคยเกือบจะได้หมั้นกับผู้ชายที่มาดูลิเกที่ตัวเองแสดงทุกวัน แต่มีอันต้องเลิกราเพราะเกิดไปรักผู้ชายที่ไปเจอหน้ากันแค่วันเดียวขณะที่ทุกคนเตือนแล้ว บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ มีลูกมีเมียแต่เจ้าตัวก็ไม่เชื่อ พอรู้ความจริงทำใจไม่ได้จนเกือบคิดสั้น พร้อมเผยเรื่องลี้ลับ ที่เกือบโดนผีปล้ำเพราะคำสัญญา

“ต้องบอกว่าตัวเองเป็น FC พี่อ้อย พี่ฉอด มากๆ เพราะชอบฟังเรื่องความรัก ทำไมมันโดนใจขนาดนี้ชอบฟัง ชอบดูเป็นแฟนรายการด้วยคะ เพราะว่าเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเลย เป็นคนที่คิดกับตัวเองตลอดเวลาว่าไม่ใช่คนสวยเลย แต่ว่าอาจจะเป็นคนน่ารัก (หัวเราะ) เพราะตัวไม่สูงมากจมูกไม่ค่อยมีแต่ได้ขาวอย่างเดียว มีความรู้สึกว่าเราไม่ใช่คนสวยเพราะว่าพี่ของเราสวยมาก มันมีข้อเปรียบเทียบเยอะมาก ตอนสมัยเด็กๆ คิดอย่างนั้นแต่พอเริ่มโตแล้วก็แต่งได้ เสริมจมูกได้อะไรอย่างนี้ ก็ดูดีขึ้น”

มาเป็นนางเอกลิเกได้ยังไง ?
“ตระกูลของจิ้งหรีดขาวเป็นลิเกหมดเลย คุณพ่อเป็นครูลิเก คุณแม่ไม่ใช่ลิเก แต่ก็เป็นครอบครัวลิเก เหมือนเราตั้งแต่เราลืมตาตื่นมาก็เห็นหนูก็เห็นแสงเพชรสะท้อนเข้าตาแล้ว เราก็คิดว่าชีวิตเราเกิดในตระกูลที่รวยหรือเปล่าเพชรมันแสบหูแสบตามากเลยตอนเด็กๆ แต่พอลืมตาขึ้นมาเพชรลิเกเต็มไปหมดเลยค่ะ เล่นลิเกจริงๆ คือตอน 4 ขวบค่ะ เพราะเหมือนเป็นธุรกิจครอบครัวเพราะทุกคนเป็นหมดแล้วเราเกิดมาในตระกูลลิเก ก็ต้องเป็นตามเขาเลย”

“ส่วนที่มาของชื่อ จิ้งหรีดขาว คือตอนแรกมาจาก จิ้งหรีด คือชื่อเล่นของเราก่อนค่ะ เราก็ถามแม่ว่าทำไมเราต้องชื่อ จิ้งหรีด ด้วยเพราะเพื่อนล้อ แม่ก็บอกว่าเพราะตอนเด็กเราร้องไห้เก่งมาก งอแงมาก ก็เลยชื่อ จิ้งหรีด ก่อนแล้วมันมีฉายาเกิดขึ้น คือกระต่ายขาวอย่างนี้ เราเลยมาตั้งของเราว่าเป็น จิ้งหรีดขาว (หัวเราะ)”

ทุกวันนี้ยังเล่นลิเกไหม ?
“ยังเล่นอยู่เพราะความอยากเล่น และที่เพิ่งตั้งคณะตัวเองก่อนโควิด เพราะว่าเจ้าภาพเขาบนลิเกเรา จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เราก็บอกว่าไปหากุ้ง สิคะเรารับเชิญ กุ้ง สุธิราช (ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งคณะ) เพราะกุ้งมีคณะเราคือรับเชิญไปเล่นที่คณะเขา แต่สรุปแล้ว เจ้าภาพบอกว่าจะแก้บนคณะจิ้งหรีดขาว ซึ่งตอนที่เรายังไม่ได้ตั้งคณะเราทิ้งงานเราไปประมาณ 50 คืน แล้วที่ผ่านมาคือ วันเกิดก่อนโควิดมีคนโทรมาถามว่ารับไหมๆ จะแก้บนเราก็ถามแม่เลย แม่คะ อยากจะตั้งคณะแม่ว่าไง เราก็มีอายุแล้วแล้วอีกอย่างรากเหง้าของเราก็เป็นลิเก แม่บอกตั้งเลย เราเลยตั้งเลยเดือนหนึ่ง 5-6 คืนก็แฮปปี้แล้ว”

ด้วยความเป็นนางเอกลิเกต้องมีหนุ่มๆ ที่มาดูมาชื่นชม ชื่นชอบเยอะ คนมาจีบเยอะไหม ?
“เยอะมากค่ะ ณ ตอนแรกที่เราเริ่มเป็นนางเอกคือ มีคนมาจีบมาชอบเยอะมาก แต่ครั้งแรกในชีวิตที่มีผู้ชายมาจีบ อันนี้เหมือนเด็กแก่แดดนิดนะคะ อายุประมาณ 13-14 ปี เราไม่ได้ชอบเขา เขามาชอบเราด้วยที่บ้านเป็นลิเกแล้วมีความยากจนมาก เวลาพักช่วงหน้าฝนเราก็ต้องหาอาชีพมาทำ คุณแม่ ขายของตลาด ส่วนเราเวลาตี 4-5 ไปรับจ้างเขาขายของ ซึ่งผู้ชายคนนี้เขาเป็นลูกเจ้าของ ซึ่งเราก็ไปขายวันละ 20-40 บาท เราก็ไปรับจ้างเขา แล้วเขาดูแลเราดีมาก หนูกินอะไรไหม ดูแลเราดีมาก ซึ่งเขาเป็นเจ้าของ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนางเอกลิเกนะคะ แต่ก็เริ่มแสดงบ้างแล้ว และในเวลาเดียวกันที่มีคนมาจีบเราก็มีคนมาจีบพี่สาวเราด้วย ซึ่งพี่สาวเราคือคนที่สวยมาก ซึ่งคนที่มาจีบพี่สาวเราคือหล่อมาก แต่สุดท้ายผู้ชายที่มาจีบพี่สาวถูกผู้หญิงจับ(เขาท้อง)เลยต้องเลิก เลยทำให้เรารู้สึกว่าหล่อสวยขนาดนี้ยังเลิกกันไปมีคนอื่น เราเลยคิดเองว่าต่อไปถ้าจะมีแฟน คือต้องไม่หล่อ”

แล้วที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงๆ คือตอนไหน ?
“ตอนนั้นเป็นนางเอกเต็มตัว แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขามาดูลิเก ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเขามาชอบเรา เพราะเขามาดูทุกครั้งเขาจะมากับผู้หญิงหลายคน และเขาเป็นเจ้าของร้านทอง ซื้อของมาให้เราทุกวัน ให้รางวัลเรามากมาย เขามาดูเราทุกวัน 8-9 ปี เขาสามารถรู้แล้วว่านางเอกคนนี้ร้องกลอนนี้อย่างไรได้แล้ว ตอนแรกๆ มาดูก่อนแล้วพอ 3 ปี เริ่มจีบเรา แล้วออกตัวว่าชอบเรา เราชอบเขานะแต่ไม่กล้าจะเปิดใจ แต่พอเวลาผ่านไปสัก 5 ปี (ซึ่งในระหว่างความสัมพันธ์ 5 ปี ได้มีการพูดคุยกันค่ะ ก็แบบพอเล่นลิเกเสร็จก็มานั่งคุยกัน ถ่ายรูปแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป) ความสัมพันธ์ 5 ปี ประมาณนี้ค่ะ อาจจะมีคุยโทรศัพท์กันบ้าง แต่ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย”

“แต่พอมาปีที่ 6-7 เริ่มไปบ้างมารับไปทานข้าวใกล้ๆ บ้าน ซึ่งการที่อยู่กับเขาคือ แค่ชั่วโมงสองชั่วโมงเองแล้วก็แยกย้าย ตอนนั้นเราก็เริ่มรักขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเขามานะมากๆ แล้วเราก็เห็นใจเขาก็เหมือนทุกคนรอบข้างก็เริ่มรู้ว่าชอบกัน จนพี่น้องเชียร์หมดเลย เข้าปีที่ 8 เขาก็คุยกับพี่น้องเราทุกคนว่าหมั้นก่อนไหม เขาก็เตรียมซื้อของเลยว่าเราชอบอะไร ชอบสร้อยข้อมือเพชร ชอบเพชรเขาก็ซื้อ ซึ่งตอนนั้นเราก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าหมั้นไว้ก่อน 4-5 ปีแล้วค่อยแต่ง”

“พอสรุปมีอยู่วันหนึ่ง เขาพาหนูไปที่ใดที่หนึ่ง แล้วเราได้ไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง (เรารักผู้ชายคนที่เพิ่งเจอคนนั้นเลย) เราเจอผู้ชายคนนั้นเรารู้สึกว่า ฉันรักผู้ชายคนนี้จัง ฉันอยากจะเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนที่หล่อมากหล่อเกินจะบรรยาย ฉันรักผู้ชายคนนี้และอยากเป็นแฟนผู้ชายคนนี้”

จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ

แต่คนที่เพิ่งเจอเขาเป็นคนแปลกหน้าไหม หรือได้เจอได้คุยกันอยู่แล้ว ?
“เขาไม่ได้แปลกหน้านะคะ แต่มาเจอตัวจริงเขาที่นี่ เหมือนได้เคยเจอเขาตามภาพ ตามอะไรบ้าง เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีอะไรที่ครบอยู่แล้ว เรารักเขาเลย (เป็นครั้งแรกที่เกิดความรักเลย) และในวันที่ไปเจอเขาคือ เขาก็ขอเบอร์โทรศัพท์เราไป และในระหว่างที่เรานั่งรอกลับคือมันรอ ใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรมา ทั้งๆ ที่เราข้างๆ แฟน แต่ใจเรารอเขาโทรมา แล้วพอถึงบ้านเขาก็โทรมาจริง ตอนนั้นคือใจเราสั่น หน้าเราแดง คือนี่หรือเปล่าที่เรียกว่าความรัก ตอนนั้นที่เราใกล้หมั้น เขาหอบตะกร้าผ้าย้ายมาอยู่บ้านเราเลย แต่แยกกันนอนนะคะ ไม่ได้ลองอยู่ด้วยกัน เขามาอยู่บ้านเรา 1 วัน ทานข้าวคุยกันมันเหมือนไม่ใช่ แล้วมาประจวบเหมาะกับที่เรามาเจอผู้ชายคนนี้ด้วย”

เพราะที่รู้สึกว่าไม่ใช่เพราะว่าเราเจอผู้ชายคนใหม่ด้วยหรือเปล่า ?
“หนึ่งเลยคือใช่ สองมีอาการรักเขาไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนดี อยู่ด้วยแล้วอึดอัด เรานิสัยไม่ดีเลย เพราะเราเริ่มอึดอัดไม่คุยกับเขา เริ่มแบบไม่อยากหมั้นแล้ว สุดท้ายก็คือไม่หมั้นกับเขา แต่เราไม่ได้บอกเลิกนะ เรามีวิธีการของเราเพราะด้วยอาชีพของเราเวลาเราบอกเลิกใคร เขาจะเสียใจมาก เราไม่ต้องการให้ใครเสียใจ เราเลยบอกเขาว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาอึ้งเลย เขาคงรู้ว่าเราเจอผู้ชายคนนี้ เราคงแสดงออกอาการให้เขาเห็น เราก็พยายามพูดหว่านล้อมให้คนที่จะขอไม่หมั้นเขานะว่าตัวเอง หนูมีความรู้สึกว่าอยากแสดงลิเกต่อ ยังไม่อยากเสียความแบบ อิสระ อยากเล่นลิเกไปก่อน รอได้ไหม คือ คำของเราที่บอกกับเขาถึงเวลาแล้วค่อยหมั้นค่อยแต่ง”

ความตั้งใจของการพูดประโยคนี้คำว่า รอ เราตั้งใจอยากให้เขารอจริงๆ หรือจริงๆ อยากจะเลิก แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ?
“เอาจริงๆ อยากเลิกแต่ว่าการพูดที่มันไม่เจ็บช้ำน้ำใจกันจนมากเกินไป เขาก็ให้ตามคำที่เราขอ และก็อยู่รอเหมือนเดิมเขารอเราอีกประมาณ 7- 8 ปี เขาก็แต่งงานเพราะเขารู้ว่ามันหมดแล้ว”

แล้วอีกคนที่เราลุ่มหลงเขาขนาดนั้นเราได้มีโอกาสสานสัมพันธ์ต่อไหม ?
“สานค่ะ (ซึ่งในระหว่างที่เราสานสัมพันธ์กับอีกคน คนที่เราจะหมั้นเขาก็มาดูเราเหมือนเดิมทุกวัน ตบรางวัลให้เราเหมือนเดิม แต่เพียงแค่ว่าเราไม่ได้คุยกัน จนเขาหยุดไปเองแล้วไปแต่งงาน) คือต้องยอมรับว่าเราหลงคนนั้นมาก ใครเตือนก็ไม่ฟังว่าผู้ชายคนนี้มีลูกมีเมียแล้ว ซึ่งตอนนั้นเราเป็นแฟนเขาแล้ว และครอบครัวก็รับรู้ พอมีคนเตือนเราโทรไปถามเขาเลย กระแสเป็นแบบนี้นะ มีลูกมีเมียหรือยัง เขาจะยืนยันกระต่ายขาเดียวเลยคือไม่มี รักหนูคนเดียว”

“คุยกันแบบนี้ สื่อสารกันแบบนี้ คุยโทรศัพท์บ้างเป็นแบบนี้ 2 ปี แล้วคือผู้ชายคนนี้ให้เห็นก็หลง เพราะเขามาบ้านเราครั้งแรกเขากราบเท้าพ่อแม่เรา ฝากตัวเองเป็นลูกเลย แล้วเขาก็มีเงิน หน้าตาดีทุกอย่างพร้อม พ่อรักเขามาก แต่แม่ไม่เพราะแม่เขารู้แม่ก็เตือนว่าจะยืดเหรอ แล้วในเวลา 2 ปี พ่อเราเป็นมะเร็ง เขาดูแลพ่อดีมาก เขาไปต่อแถวซื้อยาประมาณ 40,000-50,000 บาท ยาหนึ่งชุดแก้มะเร็งแล้วซื้อให้พ่อทานทุกเดือนๆ แล้วเวลาเราไปเล่นลิเก เขาจะโทรหาพ่อเราตลอดเหมือนเป็นลูกพ่อแม่ไปแล้ว”

“แต่พี่น้องคือให้เราหยุดอย่างเดียวต้องหยุดคบกัน (เพราะญาติเรารู้ว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว) เพราะเราเชื่อเขาคนเดียว หน้ามืดตามัว แต่เขาเปิดตัวกับพี่น้องเราหมดเลย แต่พอเขาว่างๆ คือ 1 อาทิตย์ต้องมาหาเราสองวัน เขาอยากไปเที่ยวน้ำตกมากเลย เขาขับรถมารับหน้าบ้าน (เราต้องขับรถให้เขา ทั้งๆ ที่เราก็ง่วง แต่เพราะเขาก็งานเยอะ เขาก็หลับในระหว่างที่เราขับรถไป) พอไปถึงน้ำตกปูเสื่อนั่งกินข้าวกัน คุยๆ กันครึ่งชั่วโมงแล้วกลับเลย เพราะต่างคนต่างรีบ ชีวิตเป็นแบบนี้สองปี”

จากที่ปิดหูปิดตาว่าเชื่อว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว วันที่ฟ้าเปิดตาเปิดใจมันเกิดขึ้นได้ยังไง ?
“มีคนซึ่งแถวๆ บ้านเขา แล้วสนิทกับเขา เอารูปมาวางให้ดูแล้ว พ่อแม่ลูก ลูก เชื่อไหมว่าเราจำภาพที่เห็นวันนั้นไม่ได้เลย เพราะเราช็อกเลย เพราะก่อนหน้านั้นเขาดูแลเราดีมาก ชีวิตเราไม่เคยมีคนเปย์หนัก อยากได้สร้อยให้สร้อย วันเกิดเขาซื้อเค้กให้ 10 ปอนด์ อยากได้อะไรฉันให้หมด มันเลยรักเขามาก”

“พอเราเห็นภาพคือเราบอกตัวเองเลยว่าไม่จริงแล้วก็โทรหาเขา เขาก็อึ้ง จากที่บอกว่าไม่จริงๆ รักหนูคนเดียว เขาเงียบเลย แล้วเขาก็เริ่มไม่โทรมาค่อยๆ หายไปๆ ตอนนั้นคือทุกข์มาก เพราะรักเขามาก ชีวิตเรามีแต่เขา มีวันหนึ่งพ่อเราเสีย เขาก็มารดน้ำศพนะ พอเราเห็นเขาคือน้ำตาไหลเลย (คือพ่อเสียเราก็เสียใจอยู่แล้ว แต่พ่อเรายังมีเวลาเสียใจ เพราะพ่อเป็นมะเร็งมาหลายปีแล้วทำใจไว้แล้ว) แต่กับเรื่องเขาเหมือนสายฟ้าฟาด”

พ่อก็เสีย แฟนก็ทิ้ง ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง ?
“มันไม่เหลืออะไร น้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา พูดถึงไม่ได้เลย เพราะเราไม่ได้มีโอกาสได้พูดได้เคลียร์กันในสิ่งที่เราเห็นเลย เพราะเขาเงียบไปเลย เราอยากเคลียร์มากๆ เหมือนตอนที่เขามารดน้ำศพพ่อ เหมือนชีวิตของเราล้มหมดทุกอย่าง แล้ววันที่พ่อเผาเขาไม่มา เราเลยอธิษฐานจิตว่าเผาเขาไปกับพ่อแล้ว แต่ใจตัดไม่ได้เลยนะมันเหมือนว่าหนูอยู่ไม่ได้มันเหมือนจะตายตามพ่อไปแล้วตอนนั้น จนญาติพูดว่า สติมีไหม เพราะลิเกก็ต้องเล่น งานศพพ่อก็ต้องทำมันลอยมากชีวิตไม่มีอะไร”

ทำให้ชีวิตเฉียดคิดว่าไม่อยากอยู่ ?
“ใช่ค่ะ บอกได้เลยตรงๆ ว่าคิดว่าไม่อยากอยู่ แล้วสิ่งที่เรียกสติเราคือสงสารแม่ ช่วงนั้นเพราะแม่เสียพ่อไป พอเผาพ่อเรียบร้อยแล้วยิ่งหว่าเว้มาก ไปบวชชีเลยตอนนั้นแล้วเหมือนว่าขอให้ลืมให้ได้เท่านั้นเอง แต่ถ้าไม่ได้บวชชี ฉันน่าจะตาย ไปบวชชี 1 เดือนถามว่าตัดได้ไหม ไปบวชชี 1 เดือน ช่วยได้บ้างเหมือนว่าทำงานในระหว่างที่เราบวชไปถูกุฏิบ้าง ถูศาลาบ้าง และหลังจากสึกเราไปเจอเขาด้วยแต่ไม่ได้คุยกันเพราะเหมือนน้ำตาเราไหลอยู่ตลอดเวลา แล้วชีวิตเราไม่ได้แล้ว เขาพยายามที่จะเคลียร์กับเราเหมือนกัน เราพูดคำเดียวเลยว่า ฉันเผาเธอไปกับพ่อแล้ว เธอตายไปแล้วจากใจฉัน แต่ใจจริงๆ คือ เจอไม่ได้เลยเพราะเจอแล้วน้ำตามันไหลขนาดเจ็ดปีผ่านไปน้ำตายังไหลอยู่เลย”

จิ้งหรีดขาว เปิดใจทั้งน้ำตา

แล้วพอเกิดความพังพินาศกับความรักครั้งนี้ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องของความรักเปลี่ยนไปอย่างไร ?
“หน้ามือเป็นหลังมือเลย มีความรู้สึกว่าในเมื่อความรักมันไม่มีจริง ไม่เป็นไร ก็ไม่รักใครเลย เพราะเราเจ็บมากที่สุดในชีวิตครั้งแรก ครั้งเดียว พบจบจากคนนี้ พอตั้งใจว่าฉันไม่รักใครแล้ว แต่ถ้าใครรักฉันช่วยไม่ได้ ตอนนั้นคือ เป็นนางมารร้ายเลย แต่ว่าเราไม่ได้เป็นคนที่หลอกใครนะ แต่ถ้าใครอยากรักก็มามีคนเข้ามาเยอะ ตำรวจ ทหาร หมอ ดีเจ นักร้อง เพราะตอนนั้นคือ เรามีชื่อเสียงมีเงินมีทุกอย่างครบซึ่งไม่ง้อใครเลย ทุกคนที่เข้ามาเราคุยแต่ไม่เคยคิดจริงจังกับใครเลย ไม่หวั่นไหวกับใครด้วย ปิดตายไปเลย และสิ่งที่น่าแปลกคือ คนที่เข้ามาหลังๆ คือ เขาก็ไม่โสดด้วย มีเมียมีลูกหมดแล้ว ส่วนใหญ่คือไม่บอกด้วย”

“แล้วคนที่ต่อจากคนนี้ คือตอนที่พ่อป่วยเขารับราชการที่บ้าน เขามาเสียบพอดีเลยเหมือนเป็นรอยต่อ เขาพาพ่อเราไปโรงพยาบาล ฐานะดีอะไรดีหมดอีกแล้ว พอพ่อเสียเขาดูแลหมด แล้วพี่น้องเราเห็นพ้องต้องใจว่า ผู้ชายคนนี้ดีเหลือเกิน ดูแลเราได้หมั้นไหม ไม่ได้ทิ้งห่างจากคนที่เราจับได้ว่าเขามีลูกมีเมียเลยค่ะ เพราะเขามาเสียบแทนเลย เพราะคนนั้นเริ่มไม่โทรไม่มา ตอนนั้นคือ เราอยากลืมคนนี้ เลยคิดว่าจะแต่งก็แต่ง จะหมั้นก็หมั้น เพราะไม่รักอยู่แล้ว แต่แม่รักพี่น้องรัก แล้วก็ซื้อของหมั้นมาเลยสร้อยเพชร อะไรเพชรหมดเลย”

“อีกหนึ่งเดือนกำลังจะหมั้น เมียเขามาเลย ประกาศว่าฉันคือเมีย ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจนะคะ รู้สึกขำด้วยซ้ำ ตอนนั้นสามารถคบซ้อน 4-5 คนได้ในเวลาเดียวกัน รับทุกคนไม่ปฏิเสธ คุณจะตบรางวัลอะไร หรือให้อะไรคือเราไม่ปฏิเสธใครเลย แต่เรามาเจอคนท้ายสุด คือ ตอนนั้นเรากำลังจะเป็นนักร้อง เมียเขาโทรมาหาเราเลย (เขาบอกว่าพี่เขาขอมีหนูอีกคนเขาอยู่กับพี่มา 8 ปี ถ้าเขาขอพี่ก็ยอมนะ แต่ตอนนี้ พี่เพิ่งท้อง) เราช็อกแล้วก็ตัดเลย จริงๆ อยากจะคบผู้ชายคนนี้นะเขาค่อนข้างพร้อมทุกอย่าง แต่ถ้ามีลูกมีเมียแล้วเลิกนะคะ (และคนนี้คือคนที่ขับรถปาดหน้าไม่ยอมเลิก)”

เคยวิเคราะห์ไหมว่าทำไมเราถึงเกิดมาแล้ว ไม่ประสบผลสำเร็จในความรักสักที ?
“มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ ฟังดูแล้วลึกลับนะคะ มีผีมาปล้ำ คือบ้านตอนนั้นเพิ่งสร้างได้ 2-3 ปี แล้วเราอยู่ห้องเราแล้วแอร์เสีย เราเลยต้องไปนอนอีกห้อง แล้วนัดช่างมาซ่อมแอร์ห้องเราที่เสีย ไปนอนครั้งแรกเหมือนกึ่งๆ ฝัน มีผู้ชายใส่โจงกระเบนตัวใหญ่ๆ แต่เขาอ่อนโยนมากกับเรา เขาค่อยๆ จับมือเราแล้วหอม แล้วเหมือนค่อยๆ กอดเรา ความรู้สึกตอนนั้นอบอุ่นมาก รักผู้ชายคนนั้นมาก (แต่เหมือนมันอยู่ในฝัน เหมือนเราฝันอยู่) แต่เรารู้ตัวว่าไม่ใช่คน ก็สวดมนต์แล้วเขาก็หายไป ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย”

“ครั้งที่สอง 6-7 เดือนผ่านไป แอร์เสียเหมือนเดิมเราก็ไปนอนห้องเดิมเหมือนจะเคลิ้มหลับมากอดเลย คนเดิมเลยด้วยค่ะ แล้วกอดเรารักเราเหมือนคิดถึงเรามากกว่าครั้งแรก เรารู้สึกไม่ดี ก็สวดมนต์อีกแล้วก็หายไป”

“แต่ครั้งที่สามแอร์ไม่ได้เสีย แต่เราไปนอนเองเหมือนมีอะไรดลจิตดลใจเรา ตอนบ่ายเพราะเราไปเล่นลิเกกลับมา พอเข้าไปนอนยังไม่ทันหลับตาเลย (เหมือนเขาคิดถึงเรามาก) กระโดดกอดเราและเหมือนจะข่มขืนเลย (แต่เหมือนเรารักผู้ชายคนนี้จังเลย เราก็ปล่อยตัวไปกับเขา) แต่เราก็คิดได้ว่าเขาไม่ใช่คน ก็ท่องทุกบทสวดแล้วพอหลุดก็วิ่งออกจากห้องนั้นเลย ก็เลยมาบอกแม่ ก็เลยไปปรึกษาพระ ท่านบอกว่า เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้เป็นของเราเคยสาบานสัญญากันไว้ให้ว่าจะ รักกันทุกชาติไป พอได้ยินดีเราก็มาคิดเพราะแบบนี้หรือเปล่าเราถึงไม่สามารถรักใครได้ และรักใครก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะเขาจะมัดเราอยู่แบบนี้ แต่เหมือนว่าเขาไม่ไป แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเขาเลย เพราะเขาบอกเลยว่าถ้าไม่มีคู่ยิ่งอยู่ยิ่งรวย”

สามารถรับชมคลิป จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป https://youtu.be/1DOGKDA4-fI, https://youtu.be/Xgp7hBxOmuo, https://youtu.be/G6voJ-2L0bA

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ "จิ้งหรีดขาว" เปิดใจทั้งน้ำตา รักซ้อนรักเจ็บปางตาย เมียตัวจริงประกาศตัว จนเกือบคิดสั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook