"หมอเจี๊ยบ" แจงดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก "เชียร์" ย้ำไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำผิด

"หมอเจี๊ยบ" แจงดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก "เชียร์" ย้ำไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำผิด

"หมอเจี๊ยบ" แจงดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก "เชียร์" ย้ำไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำผิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้แมชต์การชกระหว่างสองสาว หมอเจี๊ยบ ลลนา และสาว เชียร์ ฑิฆัมพร บนเวที 10fight10 จะจบลงแล้ว แต่ดูเหมือนการวิพากษ์วิจารณ์และดราม่าจะยังไม่จบ เพราะล่าสุดมีดราม่าเกี่ยวกับการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกของหมอเจี๊ยบ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนเจ้าตัวต้องออกมาขอชี้แจงเรื่องทั้งหมด

โดย หมอเจี๊ยบ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกที่กลายเป็นดราม่า ผ่านอินสตาแกรม @jeab_lalana ข้อความว่า

"ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงนะคะ ว่าจะอยู่เงียบๆ แต่ดราม่ามาแรงเลยขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายสิ่งที่คนสงสัยประเด็นการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกมวยตามนี้นะคะ

ช่วงดึกๆ คืนวันก่อนแข่ง เจี๊ยบซ้อมชกท่าต่างๆ ที่จะใช้ในการแข่งขัน ปรากฎว่าเกิดอุบัติเหตุ ผิดท่าไป ทำให้เจี๊ยบร่วงลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็ คือ เจ็บมาก หายใจก็เจ็บ ขยับตัวทำอะไรก็เจ็บไปหมด ตามรูปที่น้ำตาไหลไปกินข้าวไป คิดว่าแย่แล้ว พรุ่งนี้เราคงขึ้นชกไม่ได้แน่ๆ ในหัวคิดแต่อะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเราชกไม่ได้กะทันหันแบบนี้ และได้แต่โกรธตัวเองว่ามาเจ็บอะไรตอนนี้ รายการจะทำยังไง คนที่รอดูคู่เราไม่ว่าจะทีมขาวหรือทีมดำต่างต้องผิดหวัง ตัวเจี๊ยบเองซ้อมมานานทั้งหมดเพื่อการแข่งขันวันพรุ่งนี้ คู่ชกเจี๊ยบก็ซ้อมมานานเค้าซ้อมมาเพื่อวันพรุ่งนี้แล้วเค้าจะชกกับใคร หรือถ้าให้รายการหาคนอื่นมาชกแทน ให้คู่อื่นเลื่อนขึ้นมาชกก่อนแทนคู่เจี๊ยบ เค้าก็อาจไม่ได้พร้อม ยังไม่ถึงวันของเค้า ในหัวเจี๊ยบคิดแต่ว่าจะทำยังไงได้บ้างให้สามารถขึ้นชกให้ได้ในวันพรุ่งนี้

เจี๊ยบจึงปรึกษาอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก และเฉพาะทางด้านกายภาพ (อาจารย์เป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บต่างๆ ระหว่างการฝึกซ้อม ของทั้งทีมขาวและทีมดำ) ผลอัลตราซาวด์พบว่าอาการบาดเจ็บมาจากรอยร้าวที่กระดูกซี่โครง ทางเดียวที่จะพอทำให้สามารถขึ้นชกได้ คือ ฉีดยาชาที่บริเวณซี่โครงที่ร้าว เพื่อให้สามารถหายใจในสภาวะใกล้เคียงคนปกติ หายใจแล้วไม่เจ็บจนเกินไป ให้สามารถขึ้นไปชกได้  ให้สามารถถ่ายรายการลุล่วงไปได้

ด้วยความที่ตัวเจี๊ยบเองเป็นหมอ เจี๊ยบประเมินตัวเจี๊ยบเองและรับได้กับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง เจี๊ยบตัดสินใจขึ้นชกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นคนทั่วไป หรือ นักชกคนอื่นๆ อาจต้องเลื่อนชกไปอีกเป็นเดือนๆจนกว่าซี่โครงที่ร้าวอยู่จะหายดีก่อน หรือ ถอนตัวไปเลย เพราะทุกคนย่อมอยากไปแข่งในแบบที่สภาพร่างกายที่ตัวเองสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีใครอยากลงแข่งทั้งๆ ที่กระดูกซี่โครงตัวเองยังร้าวอยู่

โดยเจี๊ยบเองเป็นคนบอกกับพี่นุ้ย บอกกับเชียร์ และคนอื่นๆ เรื่องกระดูกร้าวและการใช้ยาชาเอง ส่วนตัวเจี๊ยบทราบว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่มีเจตนาโกง หรือถือเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ หมอผู้รักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬามีจรรยาบรรณและศักศรีในการรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และตัวเจี๊ยบเองไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด หากเป็นสิ่งที่ผิดจริงเจี๊ยบคงเลือกที่จะไม่ทำ หรือหากทำคงเลือกที่จะไม่บอกใคร เพราะหากเจี๊ยบไม่บอกใครก็คงไม่มีใครรู้ด้วย

****ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับยาชา คือ ยาชาสามารถช่วยออกฤทธิ์ลดทอนความเจ็บปวดได้ในบริเวณเฉพาะจุด เฉพาะที่ฉีดตรงซี่โครงซี่ที่ร้าวเท่านั้น เหมือนเวลาเราไปถอนฟันแล้วหมอฉีดยาชาตรงฟันที่จะถอน เราโดนหยิกขา ขาเราก็ยังเจ็บอยู่ดี ยาชาไม่สามารถออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกาย ยาชาเพียงช่วยให้เจี๊ยบหายใจแล้วไม่เจ็บจี้ดๆ หายใจในสภาวะที่ใกล้เคียงกับคนปกติ หากระหว่างการแข่งเจี๊ยบโดนต่อยหน้า โดนต่อยท้อง หรือโดนต่อยตรงอื่นๆ ก็มีบาดแผล มีรอยช้ำ ยาชาไม่สามารถช่วยให้เจี๊ยบต่อยได้ดีขึ้น หลบหมัดได้ดีขึ้น หรือมีพละกำลังใดๆ มากขึ้น และเจี๊ยบไม่สามารถฉีดยาชาทั่วร่างกายได้ เพราะไม่ใช่ใครที่ปวดแขน ก็สามารถมาฉีดยาชาที่แขน ในทางตรงกันข้าม หากฉีดยาชาที่แขนจะทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียการควบคุมการทำงานให้ดีตามปติ ทำให้คำนวณแรงในการชกยากขึ้น ลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก จึงไม่มีใครเค้าทำกัน


ยาชา (Lidocaine) จึงไม่ใช่สารต้องห้าม และไม่ผิดกฎ​กติกาสากล (ทั้งนี้เจี๊ยบได้แนบเอกสารอ้างอิงจากองค์กรสากล รายการยาต่างๆที่ใช้แล้วถือว่าผิดกฎ ซึ่งยาชาไม่มีอยู่ในลิสดังกล่าว) เพราะในความเป็นจริงแล้วตัวคนถูกฉีดยาชาเองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในการแข่งขัน

หลังการแข่งมวยเจี๊ยบดูยังแรงดีอยู่เพราะตอนที่ซ้อม เจี๊ยบฝึกซ้อมมาหนักกว่าบนเวทีจริงเยอะ บนเวทีชกแค่ 3 ยก เจี๊ยบซ้อมมา 6-8 ยก หน้าเจี๊ยบไม่มีรอยแผลจากการโดนชก เพราะหมัดส่วนใหญ่โดน Head guard ไม่ได้ปะทะจังๆเข้าที่หน้าเจี๊ยบ และหากหน้าเจี๊ยบถูกปะทะจากการโดนต่อย ยาชาที่กระดูกซี่โครงก็ไม่สามารถมีผลช่วย save เจี๊ยบจากรอยช้ำต่างๆ หรือ save เจี๊ยบจากการหน้าแหก ดั้งหัก หรือเลือดกำเดาไหลได้เลย

เจี๊ยบรับงานนี้มาและอยากรับผิดชอบงานตรงหน้านี้ให้จบ ให้สำเร็จ ลุล่วงไป ทีมงานทุกคนเหนื่อยกับการแข่งครั้งนี้มามาก ถามว่าคุ้มไหม ที่ซี่โครงร้าวอยู่ก่อนขึ้นชกแล้วผลสุดท้ายหลังชกเสร็จซี่โครงที่ร้าวอยู่หัก คือสำหรับเจี๊ยบชัยชนะหรือแพ้มันแค่คำตัดสินตามเกมกีฬา ผลจะออกมาเป็นยังไงเจี๊ยบรับได้หมด แต่ที่คุ้มค่าสำหรับเจี๊ยบ คือ เจี๊ยบได้พิสูจน์ตัวเจี๊ยบเอง พิสูจน์ใจเจี๊ยบเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่คิดว่าเราน่าจะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ หรือคนที่มองและตัดสินไปแล้วว่าเราไม่เก่งพอหรืออ่อนแอ คงสู้เค้าไม่ได้หรอก อยากทำให้เค้าประหลาดใจและรู้ว่าเราทำได้นะ เจี๊ยบทำได้นะ คุณเองก็ทำได้เหมือนกัน เจี๊ยบอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนดูว่า 'อย่าดูถูกตัวเอง' และ 'อย่าเชื่อเวลาใครมาดูถูกความสามารถของเรา' ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเพศไหนขอแค่มีใจที่มุ่งมั่น และอดทนมากพอ คุณสามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เสมอ"

ซึ่งได้มีพี่น้อง เพื่อนๆ ในวงการบันเทิงรวมถึงแฟนๆ พากันเข้ามาให้กำลังใจเจี๊ยบและเชียร์เป้นจำนวนมาก

 

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ "หมอเจี๊ยบ" แจงดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก "เชียร์" ย้ำไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำผิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook