Sanook คลุกข่าวเช้า 27 ต.ค. 63 “ราษฎร” ยื่นหนังสือทูตเยอรมนี - ฟันอาญา “ธนาธร” ปมเงินกู้

Sanook คลุกข่าวเช้า 27 ต.ค. 63 “ราษฎร” ยื่นหนังสือทูตเยอรมนี - ฟันอาญา “ธนาธร” ปมเงินกู้

Sanook คลุกข่าวเช้า 27 ต.ค. 63 “ราษฎร” ยื่นหนังสือทูตเยอรมนี - ฟันอาญา “ธนาธร” ปมเงินกู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับ Sanook คลุกข่าวเช้า ประจำวันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2563 พร้อมข่าวเด่นที่จะนำมาเสิร์ฟให้คุณถึงมือ ด้วยฟังก์ชั่น Text to Speech ที่ระบบ AI ของเราจะทำหน้าที่อ่านข่าวให้คุณฟัง เพียงมองหาสัญลักษณ์รูปลำโพงสีเขียว ก็สามารถกดฟังข่าวได้ทุกที่ทุกเวลา

เริ่มกันที่ข่าวแรก กับการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อกลุ่ม “ราษฎร” ที่ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ตุลาคม ผู้ชุมนุมจำนวนมหาศาลได้เคลื่อนขบวนจากสามย่านไปชุมนุมยังสถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ถนนสาทรใต้ และตัวแทนของกลุ่ม ได้แก่ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และวรินท์ แพททริค แม็คเบลน ได้เข้าพบและยื่นหนังสือต่อเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เพื่อให้มีการตรวจสอบในประเด็นที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ จากนั้น มีการอ่านแถลงการณ์เรื่องการเดินขบวนมายังสถานทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 3 ภาษา ได้แก่ไทย อังกฤษ และ เยอรมัน ซึ่งถือเป็นการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และยังเป็นที่น่าติดตามต่อไปว่าทางรัฐบาลเยอรมนีจะมีท่าทีอย่างไรต่อประเด็นนี้

ด้านการเมืองในบ้านเราก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน สำหรับประเด็นการดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมอดีตกรรมการบริหารพรรค 15 คน จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากการกระทำผิดมาตรา 66 ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท จากนายธนาธร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค โดยล่าสุด ที่ประชุม กกต.มีมติให้สำนักงาน กกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร และอดีตกรรมการบริหารพรรคทั้ง 15 คน

การดำเนินคดีกับนายธนาธรจะเป็นความผิดฐานบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท ตามที่มาตรา 66 วรรคหนึ่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 กำหนด ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา 124 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ขณะที่กับอดีตกรรมการบริหารจะดำเนินคดีฐานกระทำผิดมาตรา 66 วรรคสอง และมาตรา72 ประกอบมาตรา 137 รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลโดยมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปี และรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีโทษตามมาตรา125และมาตรา 126 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท

ส่วนเงินกู้ 191.2 ล้านบาท ที่ตามมาตรา 125 กำหนดไว้ว่า ให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองนั้น คาดว่า กกต.ยังไม่ได้ข้อยุติในส่วนนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสำนักงาน กกต.และคณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.

ปิดท้ายกันที่การอภิปรายในรัฐสภา เกี่ยวกับข้อเสนอ 3 ข้อ ของกลุ่มเยาวชน โดย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ข้อเสนอ 3 ข้อของม็อบเยาวชนเป็นเพียงความต้องการของคนส่วนน้อย ทางออกเป็นไปไม่ได้ จะไม่เกิดขึ้นทั้ง 3 ข้อ นอกจากนี้ น.ส.ปารีณา ยังกล่าวว่า จุดเริ่มต้นของความแตกแยกไม่ได้เกิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ เยาวชน หรือสถาบันใดๆ แต่เกิดจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความแตกแยกใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างข่าวปลอมใส่ร้ายสถาบัน อย่างไรก็ตาม เธอระบุว่า การจัดการโซเชียลทำได้ยากมากเพราะเป็นบริษัทต่างชาติ อนาคตของประเทศไทยต้องไม่เป็นฐานทัพของประเทศใดไปสู้กับจีน

นอกจากนี้ การชุมนุมยังมีความก้าวร้าว และจาบจ้วงอย่างชัดเจน แม้จะมีการเรียกร้องว่าหยุดใช้กฎหมายควบคุมผู้ที่เห็นต่าง แต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค. จะเห็นว่าขบวนเสด็จถูกคุกคามเสรีภาพ ไม่ใช่เข้าไปหากลุ่มผู้ชุมนุม และยังถูกการพูดจาก้าวร้าวหยาบคายใส่ พร้อมทั้งเสริมว่า ผู้ชุมนุมไม่มีสิทธิปิดถนนหรือตะโกนด่าใครๆ และไม่มีสิทธิเอาคีมเหล็กไปตีตำรวจ เป็นเหตุให้ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้มีการชุมนุมที่มากเกินไป รัฐบาลควรจัดสถานที่ชุมนุมให้เยาวชนชุมนุมอย่างสงบและพูดคุยกับรัฐบาล

ขณะที่มีการบอกว่าปฏิรูปไม่ได้แปลว่าล้มล้าง เป็นความเข้าใจของคนส่วนน้อย ทั้งที่ความจริงไม่ต้องมีการปฏิรูปสถาบันและปฏิรูปไม่ได้อยู่แล้ว หยุดใช้เยาวชนที่เป็นผ้าขาวมาเป็นเครื่องมือ เพราะเวลาใกล้จะหมดแล้ว และอาจจะจบด้วยไม่มีแผ่นดินอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook