แม่ลูกติดประกาศ "ขายบ้านแถมนักร้อง" ประชดเพื่อนบ้านหัวใจดนตรี ขยันซ้อมไปแข่งเดอะวอยซ์

แม่ลูกติดประกาศ "ขายบ้านแถมนักร้อง" ประชดเพื่อนบ้านหัวใจดนตรี ขยันซ้อมไปแข่งเดอะวอยซ์

แม่ลูกติดประกาศ "ขายบ้านแถมนักร้อง" ประชดเพื่อนบ้านหัวใจดนตรี ขยันซ้อมไปแข่งเดอะวอยซ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ลูกประกาศขายบ้าน เหตุรำคาญเพื่อนบ้านเล่นกีตาร์ร้องเพลง ด้านคู่กรณีบอกแค่เล่นกีตาร์โปร่งไม่ได้ดังมาก บ้านก็ไม่ได้ติดกัน

(3 ต.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 1 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้น ขนาด 22 ตารางวา โดยได้พบกับ นางสมทบ อายุ 50 ปี และ น.ส.กาญจนา 25 ปี สองแม่ลูกที่นำป้ายมาติดที่รั้วประกาศขายบ้าน ด้วยข้อความที่ว่า "ด่วน..ประกาศขายบ้าน แถมนักร้องฟรี..เล่นกีตาร์ได้อย่างต่อเนื่อง จนไม่ได้หลับนอน อย่าหาทำ ถ้าขยันซ้อมแบบนี้ก็เข้าประกวดไปเลยเถอะ "

โดยนางสมทบ กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องปิดประกาศขายบ้านด้วยข้อความนี้ว่า ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ได้รับผลกระทบจากเพื่อนบ้านที่เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ซึ่งมักชอบเล่นกีตาร์ร้องเพลงเสียงดัง จนแทบไม่ได้หลับนอน มาเป็นปีกว่าแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเที่ยงกับบ่าย ทำให้ต้องปิดประตูบ้านทุกวันเพื่อไม่ให้เสียงดนตรีรบกวนเข้ามา 

นางสมทบ กล่าวอีกว่า ลูกสาวเคยเดินไปบอกเพื่อนบ้านหลังดังกล่าวว่า ให้เบาเสียงร้องเสียงเล่นกีตาร์ ก็ถูกด่าทอตามหลังมาด้วยความไม่พอใจ ต่างๆ นานา จนต้องขึ้นโรงพักแจ้งว่าไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 10 พ.ค.62 กับ 3 ก.ย.63 ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดู แล้วก็พยายามไกล่เกลี่ยให้ยอมความกันไป สุดท้ายเสียงร้องเสียงเล่นดนตรีก็กลับมารบกวนเหมือนเดิม ตนกับครอบครัวเลยปรึกษากันว่า อยากจะขายบ้านหลังนี้แล้วย้ายไปอยู่อาศัยที่อื่นดีกว่าต้องมาทนฟังเสียงรบกวนที่น่ารำคาญไปทั้งซอยแบบนี้ จึงตั้งใจติดป้ายขายบ้านประชดด้วยข้อความดังกล่าว ฝากหาคนที่สนใจมาช่วยซื้อบ้านที ตนกับครอบครัวจะได้ไม่ต้องมาทนเสียสุขภาพจิตแบบนี้ต่อไป

ทางด้าน น.ส.กาญจนา ลูกสาวนางสมทบ กล่าวว่า หลังจากที่ตนเคยไปพูดตักเตือนมาแล้ว ตนก็ถูกด่าทอ ถูกตะโกนด่าตามหลังทุกครั้งที่ต้องผ่านหน้าบ้านคู่กรณี แม้จะเคยขึ้นโรงพักแจ้งความไปสองครั้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ตำรวจก็แค่พยายามไกล่เกลี่ยให้จบเรื่องไปเท่านั้น แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เที่ยงก็เล่น บ่ายก็เล่น กลางคืนบางวันก็มีเล่นอีก ตอนนี้คงทำได้แต่เพียงขายบ้านแล้วย้ายหนี

ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับ นายศักดิ์สิทธิ์ อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งอยู่ถัดไปอีกหนึ่งหลัง เปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นบ้านต้นเหตุที่มีการเล่นดนตรีเสียงดัง โดยนายศักดิ์สิทธิ์ หรือ โอเล่ กล่าวว่า ตนแค่เล่นกีตาร์โปร่ง ซ้อมดนตรี แกะคอร์ดแกะอินโทร เป็นปกติตามความสุขของตน ไม่ได้ไปรบกวนใคร ทั้งนี้เพราะตนมีความมุ่งมั่นตั้งใจไว้ว่า ในปีหน้าตนจะต้องไปประกวดออกรายการประกวดร้องเพลงในซีซันให้ได้ เนื่องจากเมื่อปี 2019 ตนได้เคยผ่านไปออดิชั่นมาแล้ว แต่ก็ตกรอบไปอย่างน่าเสียดายเพราะประสบการณ์ยังน้อยเลยเลือกเพลงผิดในตอนประกวดไป และหลังจากผิดหวังกับมา ตนก็มาเปิดร้านขายอาหารตามสั่งเป็นอาชีพ เมื่อช่วงไหนที่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามา ตนก็จะหยิบกีตาร์มาเล่นมาร้องตามอารมณ์เพลงที่คิดได้ ซึ่งก็จะมีเวลาแค่เพียงช่วงเที่ยงหรือช่วงบ่ายเท่านั้น วันละหนึ่งชั่วโมง และบางวันก็อาจจะมีอัดเสียงบ้างในตอนกลางคืนแต่ไม่ได้บ่อย อย่างที่ถูกกล่าวหา

นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ คือก่อนหน้านั้นประมาณสองปีที่ผ่านมา บ้านที่ติดป้ายขายบ้านประชดตนนั้น เคยเอาเครื่องเสียงมาเปิดเล่นในช่วงสงกรานต์แบบดังมาก จนภรรยาตนซึ่งกำลังท้องอยู่ ทนไม่ไหว ตนจึงเดินไปบอกกับบ้านหลังดังกล่าวให้ช่วยเบาเสียงลง แต่กลับถูกต่อว่ากลับมาว่า เรื่องมาก ปัญหาเยอะ จากนั้นก็เกิดกระทบกระทั่งกันมาเรื่อย ส่วนการที่ตนเล่นดนตรีแล้วเสียงจะดังไปรบกวนเพื่อนบ้านหรือไม่นั้น ตนถามว่า บ้านหลังที่ร้องเรียนตนอยู่ถัดจากตนไปอีกหนึ่งหลัง ไม่ได้อยู่ติดๆ กัน แต่ทำไมเขาต้องมาร้องเรียนมาประชดประชันใส่บ้านตน ตนก็เชื่อว่าแค่เสียงร้องกับเสียงกีตาร์โปร่งที่เล่นในร้านในบ้านคงไม่ได้ไปรบกวนอะไรเขาหรอก นอกจากเขาจะหาเรื่องเพราะความไม่พอใจในเรื่องอื่นที่บางหมาดกันอยู่

ขนาดบ้านฝั่งตรงข้ามยังไม่เคยมาพูดมาต่อว่าอะไรตนเลย หรือแม้แต่ไลน์แมนที่วิ่งมารับอาหารยังชมว่าตนเล่นดนตรีกับร้องเพราะเลย ซึ่งตนก็ทำในสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบโดยมีเป้าหมายจะกลับไปประกวดอีกครั้งเท่านั้น ตนคงไม่ยอมให้ใครมาขวางหรือหยุดความฝันของตนแน่นอน ซึ่งตนได้แต่เพลงเตรียมไว้แล้วสำหรับการประกวด 51 เพลง ตนมีของไปโชว์ในรายการอย่างแน่นๆ แน่นอน โดยตนมีศิลปินที่เป็นไอดอล เป็นแรงบันดาลใจ คือ เสือ ธนพล เสก โลโซ และ ปู พงษ์สิทธิ์ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook