ผบ.ตร.แถลงสรุปคดี "น้องชมพู่" ถูกพาขึ้นไปเสียชีวิตบนเขา แต่ไม่มีหลักฐานแจ้งจับใครได้

ผบ.ตร.แถลงสรุปคดี "น้องชมพู่" ถูกพาขึ้นไปเสียชีวิตบนเขา แต่ไม่มีหลักฐานแจ้งจับใครได้

ผบ.ตร.แถลงสรุปคดี "น้องชมพู่" ถูกพาขึ้นไปเสียชีวิตบนเขา แต่ไม่มีหลักฐานแจ้งจับใครได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้(2 ต.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนล่าสุด ได้นำคณะทำงานคดีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" กรณีเด็กหญิง อรวรรณ วงศ์ศรีชา อายุ 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านในบ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ก่อนมาพบศพน้องชมพู่ วันที่ 14 พ.ค. 63 บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กม. ลักษณะไม่สวมเสื้อผ้า จนกลายเป็นที่สนใจของประชาชนจำนวนมากมาตลอดเวลาหลายเดือน

จากการสอบสวนของตำรวจ ด้วยพยานหลักฐานทั้งหมด ร่วมกับคำให้การของผู้เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ สามารถสรุปได้ว่า น้องชมพู่ไม่สามารถขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟได้เองตามลำพัง ด้วยเหตุผลหลายประการคือ เส้นทางยากลำบาก ทั้งสูงชัน และมีอุปสรรค เกินความสามารถของเด็ก นักโภชนาการ ยืนยันว่าพลังงานจากอาหารเช้ามื้อสุดท้ายของน้องชมพู่ ก็ไม่เพียงพอต่อการเดินเท้าขึ้นไปได้ กุมารแพทย์ก็ยังบอกว่า พัฒนาการของเด็กในช่วง 3 ขวบ ไม่มีทางเดินขึ้นไปถึงจุดพบศพได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ศพในสภาพเปลือยกาย ซึ่งน้องชมพู่ในวัย 3 ขวบ ไม่สามารถถอดเสื้อผ้าเองได้ พบเส้นผม 36 เส้น ซึ่งเป็นผมของน้องชมพู่เอง ที่ถูกตัดหรือเฉือนด้วยมีด ซึ่งไม่มีทางที่น้องชมพู่จะตัดเองได้

นอกจากนี้จากข้อมูลการพิสูจน์หนอนที่ไชศพน้องชมพู่ ของนักกีฏวิทยา ก็สามารถนับย้อนไปได้ว่า น่าจะเสียชีวิตมาแล้ว 3 วันก่อนหน้าการผ่าชันสูตร จึงสรุปได้ว่า น้องชมพู่น่าจะเสียชีวิต ในห้วง 24 ชั่วโมง ระหว่าง 12 พ.ค. เวลา 14:30 น. จนถึง 13 พ.ค. เวลา 14:30 น. โดยไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิต เพราะศพเน่า แต่ศพไม่มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าเสียชีวิตจากการขาดน้ำ ขาดอาหาร

จึงสามารถสรุปได้ว่า น้องชมพู่ถูกผู้อื่นพาขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งความผิดที่สรุปได้คือข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซ่อนเร้นอำพางศพ แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอในการแจ้งข้อหา หรือออกหมายจับใครได้

หากต่อจากนี้พบหลักฐานบ่งชี้ผู้กระทำความผิด ก็จะมีอายุความถึง 20 ปี ซึ่งหลังจากนี้ก็จะดำเนินการสืบสวน สอบสวนต่อไปตามขั้นตอน ขอให้ประชาชนเข้าใจ ถึงแม้จะยังตอบคำถามไม่ได้ว่าใครคือคนร้าย แต่ก็ขอให้มั่นใจว่าตำรวจไม่ได้ลดละความพยายามในการตามหาตัวคนร้ายต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า พยานหลักฐานทั้งหมดถูกตรวจสอบอย่างละเอียด มีการใช้เครื่องมือพิเศษในระดับสากลเข้ามาช่วยสืบสวนสอบสวน ทำให้พบผู้ต้องสงสัยจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขณะที่หลักฐานสำคัญของคดีก็ไม่สามาถเปิดเผยได้ ถึงแม้ว่าหลังจากนี้เจ้าหน้าได้ปักหลักอยู่ในพื้นที่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความจะเลิกสืบสวนคดีนี้ แม้จะมองไม่เห็นพวกเรา(ตำรวจ) แต่ขอให้มั่นใจว่าพวกเรา(ตำรวจ) ไม่ได้หายไปไหน

กรณีของลุงพล ที่ตกเป็นจำเลยสังคมนั้น ตำรวจขอยืนยันว่า ขณะนี้ไม่สามารถจะบ่งชี้ว่า ใครเป็น หรือไม่เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น และหากบอกว่าเป็นจำเลยสังคม ต้องถามย้อนกลับไปว่า ใครเป็นผู้มอบตำแหน่งนั้นให้ เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน

ผบ.ตร.ยังบอกอีกว่า ในกรณีของผู้ต้องสงสัย มีอยู่หลากหลายสมมติฐาน ทั้งกลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงตัวน้องได้โดยที่น้องไม่ต่อต้าน ไม่ร้องไห้ หรืออีกกลุ่มคือคนที่บังคับเอาตัวน้องไป หรือเป็นไปได้ว่าทั้งสองกรณีผสมกัน ส่วนเรื่องแรงจูงใจนั้น ยอมรับตรงๆว่าไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้ก่อเหตุทำไปเพื่ออะไร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook