ไม่มีน้ำท่วมทุ่ง สรุปข้อเท็จจริง "คดีน้องชมพู่" จากคำแถลงของ ผบ.ตร.

(2 ต.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำทีมแถลงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิต น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายตัวออกไปจากบ้าน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2563 ก่อนจะถูกพบว่าเสียชีวิตบนเขาภูเหล็กไฟ ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร วันที่ 14 พ.ค. ห่างจากบ้านพัก 5 กิโลเมตร ผ่านมาแล้ว 144 วัน

• ผบ.ตร.แถลงสรุปคดี "น้องชมพู่" ถูกพาขึ้นไปเสียชีวิตบนเขา แต่ไม่มีหลักฐานแจ้งจับใครได้

ข้อเท็จจริงจากการแถลงของ ผบ.ตร. เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ มีดังนี้

• ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจากการสอบปากคำทั้งหมด 384 ปาก แต่นำเข้าสำนวนการสอบสวน 120 ปาก สอบพยานผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก และเก็บวัตถุพยาน จำนวน 133 ชิ้น ตรวจ DNA 154 ตัวอย่าง สำนวนการสอบสวนรวม 918 หน้า สรุปว่า
• มีความเห็นว่า น้องชมพู่ ไม่สามารถเดินขึ้นเขาภูเหล็กไฟไปยังจุดที่พบศพได้ด้วยตัวเอง เชื่อว่าต้องมีผู้นำน้องชมพู่ขึ้นไปในวันเกิดเหตุ 11 พ.ค. 63 เวลา 09.11 - 09.49 น.
• ผลการชันสูตรศพ เชื่อว่าน้องชมพู่เสียชีวิต น่าจะเสียชีวิตช่วงวันที่ 12 พ.ค. เวลา 14.30 น. ถึง วันที่ 13 พ.ค. เวลา 14.30 น. 
• ไม่พบบาดแผลใดๆ ที่นำไปสู่การเสียชีวิต และไม่พบร่องรอยการกระทำอนาจารทางเพศ แพทย์สันนิษฐานว่า อาจเสียชีวิตจากการขาดน้ำ ขาดอาหาร
• ประมวลว่า มีคนพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ แล้วปล่อยให้อดน้ำ อดอาหาร จนเสียชีวิต
• หลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัย พบเพียงเส้นขนที่ถูกตัด โดยไม่มีรากขน ผู้เชี่ยวชาญจึงสามารถตรวจหา DNA ได้เฉพาะบางอย่าง แต่ผลตรวจพบว่ามีส่วนของ DNA น้องชมพู่ และ ญาติฝ่ายแม่ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเส้นขนของใคร จึงเป็นปมปัญหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสังเกตไว้ โดยไม่สามารถสรุปได้ว่าคดีนี้ใครเป็นผู้ลงมือ
• สำหรับคดีนี้ตำรวจสามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมและดำเนินคดีได้ในอนาคต เพราะคดีมีอายุความ 20 ปี แต่ถ้าตำรวจไม่สามารถหาผู้กระทำผิดได้ภายใน 1 ปี จะต้องส่งสำนวนให้อัยการ