"เก้า เกริกพล" เปิดใจเคลียร์ ยื่นฟ้อง "เจนนี่" แต่ถูกชาวเน็ตด่าแรงว่า หน้าเงิน

"เก้า เกริกพล" เปิดใจเคลียร์ ยื่นฟ้อง "เจนนี่" แต่ถูกชาวเน็ตด่าแรงว่า หน้าเงิน

"เก้า เกริกพล" เปิดใจเคลียร์ ยื่นฟ้อง "เจนนี่" แต่ถูกชาวเน็ตด่าแรงว่า หน้าเงิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงกับต้องออกมาเคลียร์และชี้แจงให้ฟังกันชัดๆ กันอีกครั้งเลยทีเดียว สำหรับนักร้องหนุ่ม เก้า เกริกพล ถึงปมดราม่าเพลงดัง เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว หลังตัดสินใจยื่นฟ้อง น.ส.รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น และ บริษัท ได้หมดถ้าสดชื่น จำกัด ใน 2 ฐานความผิดคือ ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเพื่อการค้าแสวงหาผลกำไรนักร้องนักแสดง และละเมิดดนตรีกรรม กรณีมีการบันทึกเสียงของเก้าและนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้ความยินยอม

ล่าสุด เก้า เกริกพล มาพร้อมกับ ทนายเจมส์ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนให้ฟัง โดยเผยว่ามีคนเข้าใจการสื่อสารคลาดเคลื่อนว่าตนจะฟ้องเรียกเงิน 3 ล้านบาท จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ซึ่งที่หนักสุดคงจะหนีไม่พ้นคำครหาว่า หน้าเงิน ไปแล้ว แต่ทั้งนี้ยังยืนยันคำเดิมว่าที่ฟ้องทั้งหมดไม่ได้ฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกเงินเลย เพราะจุดประสงค์จริงๆ ที่ต้องการคือการลบเพลงและมิวสิกวิดีโอออกไปเท่านั้น

ถามถึงเรื่องที่ออกมาโพสต์ข้อความล่าสุด ?
เก้า : “ที่ผมโพสต์ ผมได้ชี้แจงไปแล้วครับ แล้วโพสต์นั้นก็เป็นโพสต์สุดท้ายที่ผมจะโพสต์ถึงเรื่องนี้ ต่อจากนี้ผมก็จะทำงานของผมไปครับ”

ยืนยันว่าไม่ได้ขอ 3 ล้านใช่ไหม ?
เก้า : “ไม่ได้ขอครับ ถ้าย้อนไปดูในไลฟ์สดตอนนั้น ที่พี่เจมส์พูดอ่ะครับ”

ทนายเจมส์ : “เอ่อ... 3 ล้านมันมาจากตรงนี้นะครับ มาจากน้องสื่อมวลชนตั้งคำถามมาว่าผมมาฟ้องคดีอะไร ผมบอกว่าผมฟ้องคดีลิขสิทธิ์นักแสดง แล้วเขาถามว่าในส่วนของแพ่งได้ฟ้องด้วยไหม ผมก็บอกว่า แพ่ง ผมยังไม่ได้ฟ้อง แล้วเขาถามต่อว่าถ้าฟ้องจะฟ้องเท่าไหร่ ผมก็เลยบอกถ้าฟ้องก็คงจะประมาณ 3 ล้าน โดยเอาฐานรายได้ของน้องเก้าเป็นหลัก เพราะ ณ วันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าฐานรายได้ของน้องเจนนี่มันอยู่ที่เท่าไหร่ มันเป็นการประมาณการ ซึ่งสมมติถ้ามันน้อยกว่า 3 ล้าน ก็ 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดนั้น แค่นั้นเอง”

เป็นเพียงการประมาณการ ไม่ได้ชี้ชัดว่าจะเอา 3 ล้านใช่ไหม ?
ทนายเจมส์ : “ถูก แต่ทีนี้มันก็กลายเป็นประเด็นข่าวขึ้นมาว่ามีการไปตั้งหัวข้อข่าว น้องเก้าเรียก 3 ล้านเพื่อจบคดี ซึ่งมันไม่ใช่นะครับ”

อีกฝ่ายได้ติดต่อหรือมีคนกลางมาเคลียร์ไหม ว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องราวทุกอย่างจบ ?
ทนายเจมส์ : “ผมเรียนแบบนี้ครับ คือคนกลางเขาโทรหาผม ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นคืนวันอังคาร เสนอตัวเลข 3 แสนมานะครับ และตอนเช้าก็เสนอตัวเลขมาที่ 5 แสน โดยบอกว่าน้องเจนนี่ยินดีจ่ายที่เท่านี้ ผมก็เลยบอกว่าตัวเลขตรงนี้มันยังห่างจากที่ทางฝั่งน้องเก้าเขามองเอาไว้ เพราะฉะนั้นมันอาจจะยังไม่จบนะพี่ เพราะมันยังห่างกันมาก เขาก็เลยบอกว่าถ้าพี่ไปเสนอทางฝั่งนู้นได้ 1 ล้านบาท จบไหม ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวพี่ลองไปปรึกษากันดูก่อนก็แล้วกัน เพราะผมเองก็ตัดสินใจเองไม่ได้ ผมไม่ใช่เจ้าของเรื่องไง หลังจากนั้นก็เงียบกันไป จนผ่านมาถึงวันศุกร์ก็ฟ้องกันแค่นั้นเอง พอฟ้องมาตัวเลข 1 ล้านผมยังไม่รู้เลย เพิ่งมารู้วันก่อนว่าน้องเขายินดีจะจ่าย ซึ่งคนกลางก็ไม่ได้มาบอกผมไงว่าเขายินดีจะจ่าย 1 ล้าน”

สรุปวันนั้นไม่ได้ไปถามน้องเก้าเหรอ ว่าหากเป็น 1 ล้านบาทจะโอเคไหม ?
ทนายเจมส์ : “ไม่ใช่ เดี๋ยวนะ เขายังไม่ได้ตกลงซะด้วยซ้ำ เขาบอกจะไปถามมาให้ว่าจะเอาไหม 1 ล้าน คนกลางเขาบอกว่าจะเอาไหม 1 ล้าน เขาจะไปคุยมาให้ เขาว่ายังงี้”

เขาได้ติดต่อมาทางเก้าบ้างไหม เรื่องเงิน 1 ล้านบาท ?
เก้า : “ไม่ครับ คือทุกเรื่องจะติดต่อฝั่งพี่ทนายหมดเลย ไม่ได้ติดต่อผมเลยครับ”

ในเรื่องของค่าตัวเรามันยืดเยื้อมานานมากแล้ว ยังหาข้อสรุปไม่ได้ใช่ไหม ?
เก้า : “เรื่องค่าตัวใช่ไหมครับ ผมบอกแล้วว่ามันนานมากแล้ว อันนี้มันเป็นเรื่องของน้ำใจมากกว่า ถ้าเกิดเป็นน้ำใจให้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเรื่องครับ”

คนก็มองเราว่าหน้าเงินไปแล้ว ?
เก้า : “ถูกต้อง บางคนบอกกล้าฟ้อง 3 ล้าน แต่บางคนก็ยังไม่ได้ไปดูในไลฟ์สดเลยว่าเราพูดว่าอะไร เราแค่บอกว่ามันอาจจะมากกว่า 3 ล้านก็ได้ หรือน้อยกว่า 3 ล้านก็ได้ เราไม่รู้ส่วนตรงนั้น ถ้าบริสุทธิ์ใจและออกมาปุ๊บ เราก็จะได้รู้ว่ามันเท่าไหร่ใช่ไหมครับ”

แล้วที่บอกว่าทางเฟซบุ๊กไม่ได้เปิดอ่าน คืออะไร ?
เก้า : “คือมันเกิดเรื่องแล้วติดต่อมาครับ ผมอยากรู้ว่าถ้าไม่เกิดเรื่องแล้วเขาจะติดต่อมาไหม อยากจะเคลียร์กับผมไหม คือเราไม่ได้คุยกันหลังบ้านเลยนะครับ เขาทักมา แล้วผมก็ไปปรึกษาผู้ใหญ่เลย เพราะผมเห็นแล้วว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ใหญ่ก็บอกไม่ต้องอะไรแล้ว ให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ดีกว่า”

ทางเขาบอกว่า ถ้าคุยกันดีๆ ก็อาจจะจบเรื่องนี้ได้ ?
เก้า : “ก็... ครับ”

เก้า เกริกพล

1 ล้านบาท มันสมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่เขาเสนอมาไหม ?
ทนายเจมส์ : “คือผมจะบอกแบบนี้นะครับ ณ วันนี้เรายังไม่รู้รายได้ที่แท้จริงของเขามันเท่าไหร่ มีแต่ประมาณการ 3-4 ล้าน อะไรแบบนี้ สมมตินะครับ รายได้จริงๆ 1 ล้าน น้องเก้าก็ควรที่จะได้แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็คือ 3 แสน เท่านั้นเอง ถ้ามันมีเอกสารออกมาให้เราดูจริงๆ มันจบตั้งแต่วันนั้นแล้ว และ ณ วันนี้มีใครได้เห็นเอกสารหรือยังล่ะ ถ้ามันแค่ 3 ล้าน หรือ 4 ล้านจริงๆ ก็แค่เอาเอกสารมากลางกัน แสดงความจริงใจมันก็จบ”

ที่ทางนั้นบอกให้ 1 ล้านมาแต่ยังไม่ยอมจบ เหมือนเป็นการโจมตีหรือดิสเครดิตเราไหม ?
ทนายเจมส์ : “ผมมองแบบนี้ อาจจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนนะครับ เพราะผมไปฟังในบทสัมภาษณ์เขาแล้ว เขาบอกว่าเขาเสนอมาที่ 1 ล้านที่คนกลาง แต่ไม่ทราบว่าคนกลางมาบอกฝั่งน้องเก้าไหม ไปถึงน้องเก้าหรือเปล่า อันนี้ลองไปย้อนฟังดูนะ เขาหมายถึงคนกลางทางฝั่งเขานะ ไม่ใช่ผม”

แบบนี้เรื่องมันจะยุ่งยากกว่าเดิมไหม เพราะมีคนกลางมาช่วยคุย ไม่ใช่ฝั่งเรา และก็ฝั่งเขา ?
ทนายเจมส์ : “ผมไม่ได้มองว่าทำให้กระบวนการมันยากขึ้นนะ แต่ทำให้กระบวนการมันง่ายเข้านะครับ ซึ่งกระบวนการนี้มันควรจะเกิดก่อนที่จะยื่นคำฟ้อง พอยื่นคำฟ้องไปแล้ว ฟังน้องเก้าก็โดนถล่มอีกรอบหนึ่ง และพอมันเกิดแบบนี้ตัวเลขเท่าไหร่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญแล้ว แต่อยากให้มันจบและกลับไปทำงานกันทั้งสองฝ่าย”

เหมือนจะเป็นการกลับคำพูดไหม เพราะตอนแรกเขายืนยันเลยว่าจะไม่ยอมจ่าย ?
ทนายเจมส์ : “อันนั้นผมไม่รู้ คือความจริงใจมันอยู่ข้างในไง มันไม่ใช่ที่คำพูด ผมมองว่าถ้าเกิดจะแสดงความจริงใจมาตั้งแต่ตอนต้น เท่าไหร่ผมว่าน้องเก้าก็เอา”

ตอนนี้ดูท่าทีฝั่งเขาดูเบาลง และละมุนละม่อมลงมาก ?
ทนายเจมส์ : “ผมไม่รู้ ผมต้องเรียนแบบนี้ก่อนนะครับ คำฟ้องที่ผมฟ้องไปคือการละเมินลิขสิทธิ์ คำขอท้ายฟ้องคือขอให้ลบชิ้นงานนะครับ ไม่ได้ลบแค่มิวสิกวิดีโอนะ ขอให้ลบเพลงด้วย หมดเลยครับ”

เขายืนยันว่าเขาจะไม่ลบแน่นอน ?
ทนายเจมส์ : “อันนั้นคือเรื่องของเขาครับ ถ้าเกิดคุยกันไม่รู้เรื่องใช่ไหม ผมก็แค่อาศัยคำสั่งศาลเท่านั้นเอง”

เขาก็ยืนยันที่จะสู้คดี ?
ทนายเจมส์ : “ก็เป็นสิทธิ์ของน้องเขาครับ ผมเองก็เป็นแค่ทนายความ มีหน้าที่นำเสนอหลักฐานให้ศาลได้พิจารณาเท่านั้นเอง อำนาจการตัดสินก็คืออยู่ที่ศาล ถ้าเขามีพยานหลักฐานก็เอามาแสดงกันแค่นั้นครับ”

ถ้าเราชนะคดี เราอยากที่จะให้ลบไหม ?
ทนายเจมส์ : “เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องครับ คือลบชิ้นงานครับ”

แสดงว่าอยากให้ลบ เรื่องจำนวนเงินไม่เกี่ยวแล้ว ?
ทนายเจมส์ : “ถูกครับ เพราะอย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้ขอทางแพ่งตั้งแต่ตอนต้น อย่างที่บอกคือเราไม่รู้ฐานรายได้ที่แท้จริง เราก็เลยไม่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเข้าไป”

จะมีการเคลียร์กันกับคนกลางไหม ?
ทนายเจมส์ : “อันนั้นเป็นเรื่องอนาคตครับ เดี๋ยวรอดูอีกทีหนึ่ง”

ทุกวันนี้ได้ฟ้องทางแพ่งไปหรือยัง ?
ทนายเจมส์ : “ไม่ได้ฟ้องครับ อย่างที่ผมบอกไงผมฟ้องเพื่อให้ลบชิ้นงานอย่างเดียว ไม่ได้ฟ้องแพ่งเข้ามาเกี่ยวเลย”

แสดงว่าเจตนาของเก้าตั้งแต่แรก คือไม่ได้อยากที่จะได้เงิน ?
เก้า : “แน่นอนครับ ผมก็บอกไปแล้วครับ คือผมไม่อยากให้เอาเสียงผม และหน้าของผมไปสร้างรายได้ครับ ผมไม่เสียดายเลยครับถ้าลบออก ถือว่าให้มันจบกันไปเลยครับ ต่างคนก็ต่างทำงานไป”

ถ้าสมมติเขาให้จำนวนเงินที่เราต้องการ อาจจะเป็น 3 ล้าน หรือมากกว่านั้น เราจะยอมไหม ?
เก้า : “ไม่ครับ ผมอยากให้ลบทิ้งครับ ถ้าพี่เขาไม่อยากให้ถึงศาลก็ลบเลยครับ”

ทางฝั่งเขาก็ยืนยันว่าจะไม่ลบ ส่วนทางฝั่งเราก็ยืนยันที่จะให้ลบ มันจะมีการมาเจอตรงกลางได้ไหม ?
เก้า : “อันนี้ผมบอกเลยครับ คือถ้ามีน้ำใจตั้งแต่แรก ก็คงไม่เกิดเรื่องแน่นอน”

เรื่องตอนนี้มันอยู่ที่ศาลแล้ว ต้องไปไกล่เกลี่ยตามที่ศาลนัดใช่ไหม ?
ทนายเจมส์ : “ถูกต้องครับ คือในขั้นตอนนี้มีคนถามเข้ามาเยอะ ต้องเข้าใจในขั้นตอนของศาลก่อนว่า เมื่อยื่นฟ้องแล้วจะให้กรรมการเอาหมายศาลไปส่งที่บ้านนะครับ ซึ่งมันเป็นหมายข้ามเขต นั่นหมายถึงพื้นที่กรุงเทพฯ กับนครศรีธรรมราชมันอยู่ห่างกัน เพราะฉะนั้นในระบบกระบวนการของเจ้าหน้าที่ศาล ซึ่งอยู่กันคนละเขตอำนาจ เขาเรียกว่าส่งหมายข้ามเขต มันก็อาศัยระยะเวลานานนิดหนึ่งนะครับ”

กำหนดออกมาหรือยังว่าจะต้องไปที่ศาลเมื่อไหร่ ?
ทนายเจมส์ : “กำหนดไต่สวนมูลฟ้องก็วันที่ 9 พ.ย. กำหนดไว้แล้วเรียบร้อย ในวันนั้นก็เป็นไปได้อยู่ 3 อย่างก็คือ 1.อาจจะเลื่อนคดี 2.อาจจะมีการไกล่เกลี่ยกันถ้าเขามา 3.ก็คือมีการไต่สวนมูลฟ้องเลยทันที ส่วนจะมีเปอร์เซ็นต์ได้ไกล่เกลี่ยไหม ผมไม่รู้เลยครับ อันนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต ณ วันนี้คำตอบของน้องก็คือลบอย่างเดียว ส่วนในอนาคตผมว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างดีกว่าเนอะ”

เสียดายไหม เพราะยอดวิวมันเยอะมาก ?
เก้า : “ไม่เป็นไรครับ (ยิ้ม)”

เราจะมีโอกาสเปลี่ยนใจไหม ?
เก้า : “ผมไม่รู้ครับ แต่คือความตั้งใจของผมอยากลบเลยครับ ถ้าลบเรื่องจบแน่นอนครับ ถ้าพี่ลบก็จบแน่นอนครับ”

มีอะไรอยากบอกเขาไหม เพราะเห็นเขาบอกว่าเคยเป็นศิลปินค่ายเดียวกัน วันหนึ่งอาจจะมีโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีก ?
เก้า : “ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกครับ เพิ่งจะมาพูดอะไรตอนนี้ ถ้าเกิดอยากร่วมงานอีกก็ยังไม่รู้ครับ แต่ถ้ามันออกมาจากใจจริงๆ ก็ได้ครับ ร่วมได้อยู่แล้ว”

เราต้องการคำขอโทษด้วยไหม ?
เก้า : “ก็... ได้ครับ ถ้าเกิดว่าพี่ยอมรับผิดจริงๆ และมันออกมาจากหัวใจจริงๆ ผมก็ได้ครับ ผมได้เสมอ ณ ตอนนี้ไม่ได้โกรธอะไรแล้วครับ ผมก็ทำงานของผมไป เรื่องก็ให้เป็นเรื่องของคดี เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไปครับ”

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ "เก้า เกริกพล" เปิดใจเคลียร์ ยื่นฟ้อง "เจนนี่" แต่ถูกชาวเน็ตด่าแรงว่า หน้าเงิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook