ลูกสาวนายพลคลั่ง คว้ามีดไล่ฟันเพื่อนบ้านวัย 83 เย็บ 60 เข็ม เผยทำมาแล้วหลายครั้ง
ร้อยเอกหญิง ดีกรีลูกอดีตนายพลคลั่งสติแตก ใช้มีดไล่ฟันเพื่อนบ้านวัยชรา เย็บกว่า 60 เข็ม ชาวบ้านเผยเคยแจ้งให้ญาติรับทราบมานานแล้ว หลังก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับเพื่อนบ้านมาแล้วหลายครั้ง แต่กลับถูกนิ่งเฉย ด้านเจ้าตัวยังปิดปากเงียบไม่ยินยอมให้การใดๆ ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนถูกส่งตัวเข้าไปรอนายทหารพระธรรมนูญมารับตัวไปดำเนินตามกระบวนการช่วงรุ่งเช้าของวันจันทร์นี้
วันที่ 8 ส.ค.63 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางกัญจนีย์ อายุ 73 ปี ภรรยาของ นายสุทิน อายุ 83 ปี ปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเพาะเลี้ยงปลากะพงขาว ผู้ที่ถูกร้อยเอกหญิงพรรษมนตร์ อายุ 44 ปี บุตรสาวของพลเอกวัยเกษียณ ใช้อาวุธมีดไล่ฟันตามร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายจำนวนหลายแผล ทั้งที่บริเวณริมฝีปากด้านซ้ายเป็นแผลยาวจรดปลายคาง ท่อนแขนซ้าย หลังมือซ้าย โคนข้อมือขวา นิ้วชี้มือขวา ก่อนถูกรีบนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาล โดยแพทย์ต้องทำการเย็บบาดแผลมากถึงกว่า 60 เข็ม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 06.46 น. ของวันนี้
นางกัญจนีย์ ระบุว่า ขณะเกิดตนเองพร้อมด้วยบุตรสาว ได้เตรียมนำพาผู้เป็นสามีไปทำการตรวจเช็คสุขภาพร่างกายตามปกติประจำปี ที่ โรงพยาบาลในกรุงเทพ เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง บุตรสาวได้ออกไปเตรียมรถที่จอดอยู่ด้านนอก ส่วนสามีกำลังเดินออกไปจากบ้านพัก แต่ต้องเดินผ่านรั้วหน้าบ้านของผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ติดกัน จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับสามีดังกล่าว
ด้านนางสุรินทร์ อายุ 86 ปี เพื่อนบ้านและเป็นญาติห่างๆ ของผู้ก่อเหตุกล่าวว่า ร้อยเอกหญิงรายนี้กลับเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าของร้านทองในตลาด ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของผู้ก่อเหตุ ให้เป็นที่พักพิงอยู่อาศัยแต่เพียงลำพังคนเดียว และไม่เคยเห็นเขาออกไปทำงาน
โดยที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุได้เคยเกิดอาการคลุ้มคลั่งมาแล้วหลายครั้ง และเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ยังได้เคยก่อเหตุใช้กรรไกแทงเข้าที่ท่อนแขนของ นางพัชรา อายุ 60 ปี บุตรสาวของตนจนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่สาหัสมากนัก และไม่ได้เอาเรื่องหรือเอาความกัน เนื่องจากเห็นว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีอาการทางประสาทหรือมีสติที่ไม่ปกติ อีกทั้งยังมีความเกี่ยวพันเป็นญาติห่างๆ แต่ได้เคยแจ้งไปยังญาติๆ และผู้เป็นบิดาของผู้ก่อเหตุให้ทราบแล้วหลายครั้ง เพื่อให้หาทางพาตัวไปทำการรักษา แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครเข้ามาสนใจ นำตัวไปรักษาแต่อย่างใด ทั้งผู้เป็นบิดามารดา ทั้งพี่ชายอีก 2 คน ของผู้ก่อเหตุ นางสุรินทร์ กล่าว
ขณะเดียวผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะกง ว่า หลังจากทำการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่ามีบัตรประจำตัวของข้าราชการทหารจริง แต่ยังไม่ยินยอมให้การใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังมีลักษณะของการพูดจาวกไปวนมา จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อรอให้ทางนายทหารพระธรรมนูญของทางฝ่ายทหาร มารับตัวไปดำเนินการตามกระบวนการของทางหน่วยทหารต่อไป