สองพ่อลูกเซ็ง พายุพัดต้นไม้หักทับบ้านที่กำลังสร้าง เจ้าของต้นไม้บอกเป็นภัยธรรมชาติ

สองพ่อลูกเซ็ง พายุพัดต้นไม้หักทับบ้านที่กำลังสร้าง เจ้าของต้นไม้บอกเป็นภัยธรรมชาติ

สองพ่อลูกเซ็ง พายุพัดต้นไม้หักทับบ้านที่กำลังสร้าง เจ้าของต้นไม้บอกเป็นภัยธรรมชาติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.63 นายนุกูล เมืองคลี่ อายุ 60 พร้อมด้วยนางสาวนันทนิตย์ เมืองคลี่ อายุ 31 ปี สองพ่อลูก พาผู้สื่อข่าวสำรวจความเสียหายของบ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มุงหลังคาเสร็จแล้ว โดยมีก้อนอิฐกองเรียงรายไว้แต่ยังไม่ได้กั้นตัวบ้าน หลังจากที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับ พังเสียหายมีเศษกระเบื้องหลังคา ตกเกลื่อนกระจัดกระจาย พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมจากเจ้าของสวนฝั่งตรงข้าม และเป็นเจ้าของต้นไม้ วอนช่วยจ่ายค่าเสียหายแต่กลับถูกปฏิเสธอ้างว่าเป็นภัยธรรมชาติให้ไปเรียกร้องเอาผิดกับหน่วยงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อบต.เอาเอง

ทั้งนี้สองพ่อลูก กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุซินลากู มีลมกระโชกรุนแรง ทำให้ต้นไม้สะเดาเทียมขนาดใหญ่ 3 ต้นที่อยู่คนละฝั่งถนน หักโค่นลงมาทับบ้าน 2 ต้น ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างพังเสียหายและสายไฟฟ้าขาด หลังจากนั้นได้แจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลรับทราบ เพื่อยื่นเรื่องขอเงินชดเชยแต่กลับถูกปฏิเสธ เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวไม่อยู่ในหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการขอเงินชดเชยอุกทภัย วาตภัย เพราะยังไม่มีเลขที่บ้าน และพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการถือครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ต่อมาด้าน อบต.ครน ได้แนะนำให้ไปเรียกร้องความเสียหายกับเจ้าของต้นไม้ แต่ก็ถูกปฏิเสธเหมือนกัน โดยชายเจ้าของต้นไม้สวนฝั่งตรงข้ามบอกว่าไม่จ่าย อ้างว่าเป็นภัยจากธรรมชาติให้เอาผิดกับ อบต. ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าของสวนมีการโค่นต้นยางพาราและปรับหน้าดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน แต่ไม่ตัดต้นไม้สะเดาเทียม 3 ต้นที่ยืนตระหง่านสูงลิบใกล้กับบ้าน ทำให้ทางครอบครัวตนได้ทักท้วงว่า ขอให้ตัดต้นไม้ใหญ่ออกได้ไหม เพราะอาจจะโค่นล้มได้ง่าย ทางเจ้าของสวนหรือเจ้าของต้นไม้ใหญ่บอกว่าไม่ตัด จะยกไว้ทำบ้าน จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาจริงๆ

ตนเห็นว่าทางครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สวี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคดีแพ่ง ให้ไปเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าของต้นไม้หรือให้ไปฟ้องศาล

ครอบครัวผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า กว่าจะเก็บหอบรอมริบเงินทองมาสร้างบ้านหลังนี้ได้ใช้เวลาถึง 8 ปี แต่ก็ยังไม่เสร็จ หมดเงินไปกว่า 200,000 บาท ตนยอมรับว่าไม่ได้เงินชดเชยจาก อบต.นั้น เข้าใจดีว่าพื้นที่พ่อแม่ครอบครองผืนดิน บนเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่อยู่อาศัยในที่ดินผืนนี้มานานหลายสิบปี และไม่ติดใจ อบต.แต่อย่างใด เพียงวอนขอความเห็นใจจากเจ้าของต้นไม้ ให้ออกมารับผิดชอบ ยอมจ่ายค่าเสียหายกันบางส่วน จำนวนเงินเท่าไหร่นั้น ก็แล้วแต่จะตกลงกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook