ทำดีไม่มีใครเห็น…ไม่มีประโยชน์"เสียงโอดมหาบัณฑิต“กิฟท์ซ่า"ปิยา

ทำดีไม่มีใครเห็น…ไม่มีประโยชน์"เสียงโอดมหาบัณฑิต“กิฟท์ซ่า"ปิยา

ทำดีไม่มีใครเห็น…ไม่มีประโยชน์"เสียงโอดมหาบัณฑิต“กิฟท์ซ่า"ปิยา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ด้วยเกรดเฉลี่ยถึง 3.39 แถมพ่วง "รางวัลงานค้นคว้าอิสระดีเด่น" ภายใต้ชื่อเรื่อง "กลยุทธ์การบริหารศิลปินในยุคผันผวน กรณีศึกษา บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)" มาได้อีกด้วย

วันนี้เพื่อให้รู้จักอีกมุมของสาวคนนี้ "คม ชัด ลึก" จึงขอคว้าตัวสาวคนเก่งมานั่งพูดคุยกัน

การเรียน VS ภาพลักษณ์

แบ่งเวลาไปเรียนอย่างไร
จริงๆ ก็ไม่ค่อยมีหรอก แต่เป็นเรื่องของการจัดสรรความจำเป็นและเวลาให้เหมาะสมมากกว่า เราต้องพยายามที่จะปรับให้พอดีกัน หรือลดทอนอะไรที่สำคัญน้อยกว่าออกไป

ทำไมถึงเลือกเรียนด้านนี้
ในสาขาการบริหารวัฒนธรรม จะแบ่งเป็นหมวดต่างๆ กิฟท์จะเรียนหมวดการบริหารงานอุตสาหกรรมบันเทิง คืออย่างแรกเราเรียนศิลปกรรมศาสตร์เกี่ยวกับการแสดงและกำกับการแสดงมา ซึ่งจะเป็นภาคปฏิบัติทั้งหมด กิฟท์เลยคิดว่าอยากเรียนอะไรที่ไปในทางเดียวกัน แต่แตกต่างกัน เรามีความรู้เรื่องศิลปะการแสดง กำกับการแสดงมาแล้ว ถ้าเรารู้เรื่องบริหารจัดการด้วย อาจจะช่วยในการทำงานได้มากขึ้น ทำให้มองในด้านธุรกิจได้ดีขึ้น

วางแผนว่าจะทำธุรกิจอะไร
ใจจริงอยากมีบริษัทของตัวเอง ที่ผลิตเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสิ่งดีๆ ที่มองๆ ไว้อาจจะเป็นรายการเกี่ยวกับเด็ก วางโปรเจกท์ไว้กับเพื่อน แต่จะทำได้หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถของเราอย่างเดียว ต้องอยู่ที่เครือข่ายคนที่เรารู้จัก เรื่องของประสบการณ์

คิดว่าได้อะไรจากการเรียนปริญญาโท
อย่างแรกทำให้เรามีระบบความคิดที่ต่างไปจากเดิม จากที่คิด 1 แล้วไป 2 3 4 5 ตอนนี้เวลาคิดก็จะเป็น 1 แล้วไป 1.1 1.2 คือจะคิดละเอียดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียงลำดับ การเชื่อมโยงในการมองอะไรมันดีขึ้น

คว้า รางวัลงานค้นคว้าอิสระดีเด่น มาด้วย
เป็นปีแรกที่คณะให้รางวัลนี้ จะมีทั้งหมด 5 รางวัล จากทั้งรุ่นที่จบในปีนี้ประมาณ 100 กว่าคน ก็ดีใจ ตกใจ เพราะมันเหนื่อยมาก คือตอนที่เรียนปริญญาตรี เป็นสิ่งที่ต้องเรียนอยู่แล้ว ทุกคนจบได้ถ้าตั้งใจ แต่ปริญญาโทคือเรื่องที่เสริมเข้ามา แล้วมันยาก มันเหนื่อย เราอยากบอกให้ทุกคนรู้มากเลยว่ามันเหนื่อยมากนะ บางครั้งคนชอบมองว่าเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ วันๆ ก็เต้น ไม่มีอะไรทำ หรือไร้สาระไปวันๆ กิฟท์อยากให้มอง ว่าในชีวิตของแต่ละคนในวงมีอะไรมากกว่านั้นเยอะมาก แม้ว่าคนจะไม่ได้มองตรงนั้น หรือบอกไปแล้วก็ไม่อยากจะฟัง แต่อยากฟังเรื่องนมหก อะไรแบบนั้นมากกว่าก็ตาม

ปกติเป็นคนเรียนดีมาตลอดหรือเปล่า
คือจะตั้งใจ ถ้าถามว่าเก่งหรือเปล่าไม่รู้ มันเหมือนความตั้งใจ บวกโชคช่วย เพื่อนช่วย อาจารย์ช่วย เลยไม่รู้ว่าเก่งหรือเปล่า กว่าจะจบในแต่ละเทอมเรียกว่าซิกแซ็กยิ่งกว่าการขับรถอีก แต่เรื่องงานที่ส่ง เรื่องคะแนนขอกันไม่ได้อยู่แล้ว จะไปขอร้องเรื่องของเวลามากกว่า

จะเรียนต่อปริญญาเอกอีกไหม
ส่วนตัวก็มีความคิด ว่าอยากจะเรียนต่อให้ถึงปริญญาเอก แต่คงสักประมาณอายุ 30 ก็อีกประมาณ 6 ปี เพราะเวลาที่มาเรียนปริญญาโท จะรู้เลยว่าเรียนจบแล้วมาเรียนต่อเลยมันไม่ดี ควรจะมีประสบการณ์ก่อน

ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ให้แก่วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ด้วยหรือเปล่าว่าไม่ได้มีดีแค่เรื่องเซ็กซี่
แม้ว่าเราจะทำให้เห็น แต่ถ้าไม่มีคนสนใจก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเราก็ทำมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนหนังสือหรอก อย่างไปเป็นทูตช่วยเหลือสัตว์ คนก็ยังมองว่าเราสร้างภาพทั้งที่เราลงไปทำกันจริงๆ เราจบปริญญาโท พอข่าวลงหนังสือพิมพ์คนก็จะมองว่า อ๋อ...จบ ก็แค่นั้น แต่ไม่ได้มองว่าชอบเด็กคนนี้จังเรียนจบ หรือบางคนอาจจะบอกด้วยซ้ำว่าเรียนจบยังไงก็แต่งตัวโป๊อยู่ดี

เหมือนเรื่องมิวสิกวิดีโอเพลงนี้จะดังกว่าเรื่องเรียนจบ
สงสัยจะอย่างนั้น และก็เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด ทำให้เซ็งนิดหน่อย เรื่องดีๆ ไม่ค่อยพูดถึงกัน เรื่องมิวสิกวิดีโอกับข่าวเรียนจบมันมาพร้อมกัน แต่ข่าวมิวสิกวิดีโอดังกว่า ซึ่งทำให้เห็นว่ามันไม่ได้สะท้อนถึงสื่อแล้ว แต่เป็นการสะท้อนถึงคนรับมากกว่า

แสดงว่ารู้สึกเซ็งเหมือนกัน
กิฟท์เข้าใจเรื่องดีๆ เวลาจะทำแล้วให้คนมองว่าเราดี ไม่ใช่เรื่องที่ทำแล้วจะเห็นเลย เป็นเรื่องของการสะสมมากกว่า คนที่เป็นบุคคลสาธารณะ เปรียบเหมือนนักการเมือง ทำดีเสมอตัว แต่เวลาทำชั่ว ก็คือจะเสียไปเลย อย่างไรก็ตาม ถ้ายังอยากที่จะยืนอยู่ตรงนี้ ก็ต้องทำดีแม้มันจะเสมอตัว

คนดีมีท้อไหม
ท้อบ้างบางครั้ง แต่เป็นเรื่องการทำงาน บางครั้งเราตั้งใจมาก แต่ออกมาไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หรือเราอยากนำเสนออย่างหนึ่งแต่คนกลับไปมองอีกอย่างหนึ่ง เช่น เราอยากให้คนฟังเพลง คนกลับไม่ฟัง ไปดูแต่ภาพแล้วก็บอกว่าเพลงไม่ดี เป็นต้น

แต่บางคนก็มองเหมือนรู้ ว่าทำไปไม่ดีแต่ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
คนจะมองว่าเราจงใจที่จะขาย แต่อย่างที่เคยบอกเป็นเรื่องของแฟชั่น เราเป็นผู้หญิงที่สร้างเสียงดนตรี ร้องเพลง เต้น เพอร์ฟอร์แมนซ์ มันก็ต้องมีเรื่องของแฟชั่นเข้ามาเกี่ยว แฟชั่นบางครั้งก็อาจจะดูวาบหวิว เซ็กซี่เกินไปในสายตาของคนอื่น แต่ถ้ามองกันดีๆ เราไม่ได้ทำเพื่อตั้งใจจะขายจุดนั้น เราทำเพราะทุกอย่างมันรวมกันเป็นเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ถึงแม้เราใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน แต่ไม่เต้น คนก็จะมองว่าไม่เซ็กซี่เลย หรือถ้าเราใส่เสื้อผ้ามิดชิดคนก็จะมองว่าเราโป๊ได้เหมือนกัน ถ้าเราเต้น คือ ทุกอย่างมันผสมกันเป็นเรา

แต่เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีไม่เห็นต้องใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่ขนาดนี้เลย
มันเป็นเรื่องของคนละวงกัน เกาหลีวัฒนธรรมเขาแบบนั้น เขาดูน่ารักสดใส คิขุ ใสๆ เปรียบเหมือนอย่างโฟร์-มด เขาน่ารักสดใส แม้ว่าจะใส่สั้นเท่าเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ คนก็ไม่ได้มองว่าโป๊ อย่างเซเว่น เดย์ส ใส่กระโปรงสั้นมากกว่าเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ แต่ทุกคนก็มองว่าไม่โป๊ เพราะเซเว่น เดย์ส ไม่ได้เต้นแบบนั้น ไม่ได้ทำหน้าแบบนั้น ไม่ได้ร้องเพลงแบบนั้น ถึงบอกว่าสิ่งที่มองเห็นไม่ใช่ภาพลักษณ์ของอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นภาพรวมของทั้งหมด

แล้วพอใจกับภาพลักษณ์นั้นไหม
โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการพัฒนา เราพอใจอัลบั้มนี้มากกว่าอัลบั้มที่แล้ว พอใจอัลบั้มที่แล้วมากกว่าอัลบั้มที่ผ่านมา เหมือนเราต้องทำไปเรื่อยๆ บางสิ่งที่เกินไป แล้วคนว่า หรือห่วงมาก เราก็จะเก็บไปแก้ไข ซึ่งเราก็ไม่ได้มองว่าเราแย่ไปเสีย 100 เปอร์เซ็นต์ เราจะต้องมองอย่างเป็นกลาง

วัยเด็กและครอบครัว

ย้อนกลับไป ด.ญ.กิฟท์ซ่า เป็นเด็กอย่างไร
ตอนเด็กๆ ตัวเล็กๆ เลยจะเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่เวลาอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก แต่ด้วยสถานะ มันทำให้เวลาออกไปไหนจำเป็นต้องคุยกับคน บางครั้งก็ตะขิดตะขวงเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะคุยอะไร หรือคุยไปไม่รู้ว่าจะถูกหูเขาหรือไม่ถูกหูเขา แล้วถ้าพูดไปแล้วจะสะเหล่อหรือเปล่า แต่ถ้ารู้จักแล้วจะเป็นคนใส่ใจความรู้สึกคนอื่น พอโตมาหน่อยก็ชอบทำกิจกรรมโรงเรียน รำ เต้น มากๆ

คุณพ่อ คุณแม่เลี้ยงมาแบบไหน
คุณพ่อจะเป็นคนตามใจ แต่จะมีเรื่องที่ห้ามอยู่ 2-3 เรื่อง คือ หนึ่งห้ามทานกาแฟ เพราะคุณพ่อจะมอง ว่ากาแฟเป็นยาเสพติด ตอนเด็กๆ ไปแอบชิมคุณพ่อจะโกรธมาก อีกเรื่องที่คุณพ่อจะพูดบ่อยๆ คือให้มีสติ ไม่ว่าจะทำอะไร เช่น มีแฟนรักมากก็ต้องมีสติ เรียนหนังสือสอบได้ดี ก็อย่าดีใจต้องมีสติ ส่วนคุณแม่จะเยอะกว่า เมื่อก่อนเด็กๆ จะไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมคุณแม่พูดเยอะจัง เดินเข้าบ้าน ก็ต้องบอกแล้ว ว่าให้ล้างเท้า เดินเข้าห้องน้ำบอกอย่าลืมปิดไฟ ทุกกระเบียดพูดหมด และพูดซ้ำไปซ้ำมา แต่พอโตขึ้นมาเราก็รู้แล้ว ว่าเขาไม่อยากให้เราทำอะไรผิดพลาด ก็จะยอมคุณแม่หมด

คุณพ่อ คุณแม่ทำอาชีพอะไร
ทำธุรกิจส่วนตัว ทำหัวเชื้อน้ำมันเครื่องจำหน่าย เรียกว่าเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง แล้วก็จะมีช่วงลำบากบ้าง ตอนที่เศรษฐกิจขาลง แต่เป็นช่วงที่กิฟท์ก็ทำงานพอดีเลยได้เข้ามาช่วยอีกแรง จนลุกขึ้นมาได้

เห็นว่ามีน้องอีก 2 คน
เป็นน้องผู้ชาย และผู้หญิง ห่างกัน 6 และ 8 ปี เมื่อก่อนจะต่างคนต่างอยู่ กิฟท์จะไม่สนใจน้องเลย แต่พอโตขึ้นมา กิฟท์จะรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่อายุเยอะแล้ว บางสิ่งที่เราช่วยแบ่งเบาได้ก็จะทำ แล้วก็จะดุสุดๆ น้องไม่กล้าหือ บอกให้ทำอะไรก็ทำ เพราะน้องถูกสอนให้ฟังพี่มาตลอด

มาถึงวันนี้คุณพ่อ คุณแม่รู้สึกอย่างไร
ทุกวันนี้เขาก็ดีใจ เขาก็คงภูมิใจมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นประเภทมาแสดงออก ว่าเก่งจัง รักลูกมาก จะเป็นลักษณะถ้าเห็นเราดังมากๆ ก็จะคอยกดไม่ให้เราเหลิง หรือถ้าได้เงินมามากๆ ก็จะบอกให้เราประหยัด ตรงข้ามกัน ถ้ามีคนด่าว่าเราเยอะเขาก็จะดัน จะเสริมกำลังใจ

แล้วเวลาที่ต้องแต่งตัวเซ็กซี่ที่บ้านว่าอย่างไร
ตอนแรกก็มอง ว่าทำไมเราต้องใส่เสื้อผ้าขนาดนั้น เราก็มานั่งคุยกัน ว่าเราใส่เฉพาะบนเวที ไม่ได้ใส่ไปเดินเล่นที่ไหน ซึ่งเขาไม่ได้ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี หรือว่าเราจะโดนประณาม แต่เขาห่วงเหมือนที่พ่อแม่ทั่วไปห่วงลูก คือแต่งตัวแบบนั้นจะได้รับอันตรายหรือเปล่า จะโดนฉุดไหม กิฟท์ก็จะอธิบาย ว่าเป็นแค่ภาพในเอ็มวี บนคอนเสิร์ตเท่านั้น หมดเวลาทำงานลงมาเราก็ใส่เสื้อคลุม สวมกางเกงปกติ

เรื่องของหัวใจ

หัวใจมีใครดูแลหรือยัง
ก็...ถ้าพูดจริงๆ ก็โสดน่ะ (แล้วถ้าพูดไม่จริงล่ะ) ก็มีบ้าง คือสถานะโสด แต่ไม่ใช่พูดตามสถานะในบัตรประชาชนนะ โสดจริงๆ เพราะไม่ได้เรียกใครว่าแฟน แต่มีคนคุยด้วย

มีคนคุยด้วยหลายคนไหม
ไม่หลายคน เรื่องนี้เป็นคนไม่เยอะ น้อยๆ (หัวเราะ) ไม่ได้มีคนมาจีบขนาดนั้น มีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะดันออกเลย ไม่รั้งไว้ เสียเวลาทั้งเราและเขาด้วย เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง มีเพื่อน มีอะไรที่สนใจ ทำอะไรคนเดียวได้

คนที่คุยอยู่เป็นอย่างไร
เขาเป็นคนนิสัยดี ความคิดดี จิตใจดี ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ คุยกันมายังไม่นาน ไม่ถึงปีเลย

มองความรักเป็นอย่างไร
ความรักมันคือความสุข ถ้าไม่มีความสุข ก็อย่าไปมีเลยแม้ว่าจะรัก อยู่เฉยๆ ดีกว่า เพราะท้ายที่สุดคนที่เรารักจริงๆ ก็คือตัวเราเอง ถ้าไปรักคนอื่น แล้วคนอื่นทำให้เราแย่ เราก็หันกลับมาอยู่กับตัวเอง ทำอะไรให้ตัวเองมีความสุขดีกว่า

ชีวิตนี้ต้องแต่งงานไหม
ไม่รู้ว่าแต่งงานแล้วดีหรือเปล่า มันจะเป็นยังไง เป็นเรื่องที่ไว้ว่ากันอีกที แต่รู้ว่าชีวิตนี้ต้องมีลูก เรารู้ว่าการมีลูกคือสิ่งที่วิเศษ มองคุณแม่ที่มีเรา มองเพื่อนที่เรียนด้วยกันอุ้มท้องมาเรียน มองว่ามันดี โตไปลูกเราอาจจะเลวมาก แต่อย่างน้อยเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเรา เราอยากจะทำให้คนคนนั้นแบบไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย

และนี่คือตัวตนทั้งหมดของ "กิฟท์ซ่า" หนึ่งในสมาชิก "เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" ที่ถูกมองว่าเซ็กซี่ แบนด์

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook