Sanook คลุกข่าวเช้า 20 พ.ค. 63 ดราม่าเรียนออนไลน์ ผุด #saveครูวัง-ตร.รู้ตัวผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องชมพู่

Sanook คลุกข่าวเช้า 20 พ.ค. 63 ดราม่าเรียนออนไลน์ ผุด #saveครูวัง-ตร.รู้ตัวผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องชมพู่

Sanook คลุกข่าวเช้า 20 พ.ค. 63 ดราม่าเรียนออนไลน์ ผุด #saveครูวัง-ตร.รู้ตัวผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องชมพู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Sanook คลุกข่าวเช้า ประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 พบกันเป็นประจำทุกวัน ทีมงานได้เสิร์ฟข่าวที่น่าสนใจมาให้คุณถึงหน้าจอมือถือและเดสก์ท็อป เรียกว่าครบจบในเนื้อหาเดียวและที่สำคัญคุณสามารถเลือกกดปุ่มฟังเพื่อความสะดวกได้แล้ว โดยสังเกตได้จากสัญลักษณ์รูปลำโพง รับฟังพร้อมอ่านกันได้ทุกบรรทัดคุณจะไม่พลาดในทุกเหตุการณ์เด่นๆ เริ่มต้นด้วยข่าวเด่นนี้เลย

ดราม่าเรียนออนไลน์วันแรก แฮชแท็ก #saveครูวัง ไฟแทบลุก ติงครูสอนผิดๆ ถูกๆ

หลังจากที่เด็กนักเรียนเริ่มเรียนออนไลน์วันแรกใน 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางกระทรวงศึกษาธิการจัดให้มีการเรียนออนไลน์ทั้งผ่านอินเทอร์เน็ต Google Classroom รวมถึงผ่าน DLTV ปรากฏว่าในการเรียนออนไลน์วิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีการวิพากษ์วิจารณ์ที่มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาสอน แต่การออกเสียงและการใช้แกรมม่าไม่ถูกต้องหลายคำ อาทิ คำถามที่ว่ากินข้าวหรือยัง คุณครูพูดว่า Have you breakfast? แต่หลายคนท้วงติงว่าควรจะเป็น Did you have breakfast? เป็นประโยคคำถามที่ถามอดีต แต่หากจะใช้ Have you ต้องตามด้วย กริยาหรือ verb ที่ผันให้เป็นช่องที่ 3 คือ Have you eaten breakfast? เอาไว้บอกสิ่งที่ทำเสร็จไปแล้ว ต้องบอกว่าเรื่องราวดังกล่าวได้มีคนออกมาปกป้องครูในคลิป"

จนทำให้เกิดแฮชแท็ก #Saveครูวัง เนื่องจากครูผู้สอนในคลิปเป็นครูจากโรงเรียนวังไกลกังวล โดยระบุว่า เทปแต่ละเทปที่ถ่ายไว้ กว่ามันจะออกมาให้ทุกคนดูได้ ต้องวุ่นวายกันแค่ไหน ครูต้องทำสไลด์ ทำสื่อกันข้ามวันข้ามคืน ทุ่มเทกับเทปแต่ละเทปทุกครั้งเสมอ และที่สำคัญไม่ควรจะเหยียดสำเนียงภาษาอังกฤษที่ไม่เหมือนเจ้าของภาษา เพราะจะทำให้คนที่พูดอังกฤษสำเนียงไทยไม่กล้าที่จะพูดหรือสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ชาวทวิตเตอร์ส่วนใหญ่ต่างเห็นว่า ไม่สำคัญว่าสำเนียงของครูจะเป็นอย่างไร แต่ทางครูควรออกเสียงให้ถูกต้องและผู้ทำสื่อการสอนควรจะตรวจสอบเนื้อหาให้ถูกต้องมากกว่านี้ เนื่องจากต้องใช้ในการเรียนการสอนเด็กนับหมื่นนับแสนคน หากครูผิดเพียง 1 คน ก็จะส่งต่อความรู้แบบไม่ถูกต้องให้เด็กอีกจำนวนมาก

สาวกร่างไม่สนข้อห้าม อุ้มสุนัขเข้าร้านสะดวกซื้อ แถมขู่พนักงาน เอาเรื่องถึงไล่ออก 

เป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์เลยทีเดียว หลังมีคลิปของสาวอุ้มหมาเดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่ระบุพิกัดว่าอยู่ในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งในคลิปได้ปรากฎว่ามีพนักงานเข้ามาแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำสุนัขเข้ามา หญิงสาวคนดังกล่าวเกิดอาการไม่พอใจ จึงมีการตอบโต้พนักงานเสียงดังลั่นร้าน พร้อมกับลั่นประโยคเด็ดว่า "น้องรู้จักพี่น้อยไป พี่ไม่อยากจะมีเรื่องกับใคร แต่ถ้ามีเรื่อง พี่เอาออกจากงานเลยนะ น้องจะอยู่ไม่เป็นสุขอีกเลย ทีหลังอย่าพูดจาเสียงแข็งกับพี่อีก เข้าใจไหมคะ" นอกจากนี้ในคลิปยังมีส่วนของผู้จัดการร้านได้เดินเข้ามาขอโทษหญิงสาวรายนี้ และหญิงอุ้มสุนัขได้บอกว่าตนเอาสุนัขเข้าร้านสะดวกซื้อมาตลอดเป็นสิบๆปีแล้ว ไม่เคยมีใครมาว่า แต่ครั้งนี้พนักงานคู่กรณีกลับมาต่อว่า ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี ถ้าตนโทรไปร้องเรียน รับรองได้เลยว่าพนักงานรายนี้ต้องเดือดร้อนแน่นอน โดยอ้างว่าหญิงในคลิปทำงานกับนักการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมอีก ขณะที่ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นไปใทางเดียวกัน คือรุมถล่มหญิงในคลิป ว่าทำตัวกร่าง ทั้งที่ตัวเองละเมิดกฎกติกาของสังคม 

รู้ตัวผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องชมพู่! ตำรวจภาค 4 ยืนยันหลักฐานมัดตัว จับตาใกล้ชิด

วานนี้ (19 พ.ค.) พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ผู้รับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เปิดเผยว่าหลังจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันผลตรวจร่างกายน้องชมพู่ ว่ามีร่องรอยการถูกกระทำชำเรา ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 4 จะได้ลงพื้นติดตามความคืบหน้าคดีที่จังหวัดมุกดาหารอีกครั้ง โดยการเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ในการเข้าสู่กระบวนการตรวจทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาตัวคนร้าย

นอกจากนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ยังได้เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ทางตำรวจชุดสืบสวนมีข้อมูลกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่ยังอยู่ในพื้นที่และได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และคดีถือว่ามีความคืบหน้าไปอย่างมาก คาดว่าจะจับตัวคนร้ายได้ในเร็ววันนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวน้องชมพู่ อนึ่ง พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ไม่พบร่องรอยการถูกกระทำชำเรา ทางตำรวจจึงจำเป็นต้องส่งร่างน้องชมพู่ ไปตรวจซ้ำที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้คดีสามารถที่จะเดินหน้าไปได้ และผลตรวจยืนยันว่า น้องชมพู่ถูกกระทำชำเรา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พนักงานสอบสวนจะทำคดีได้อย่างถูกทาง ซึ่งทั้ง 2 แห่งผลตรวจไม่ตรงกันนั้น คาดว่าเกิดจากความผิดพลาดของความทันสมัยของเครื่องมือทางการแพทย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook