สุเทพ ปัดบีบผบ.ตร.ลงใต้ชี้ประวิตรเข้าใจ

สุเทพ ปัดบีบผบ.ตร.ลงใต้ชี้ประวิตรเข้าใจ

สุเทพ ปัดบีบผบ.ตร.ลงใต้ชี้ประวิตรเข้าใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ มีคำสั่ง พัชรวาท ลงใต้ และตั้ง วิเชียร เป็นรรท.ผบ.ตร.ต่ออีกครั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ขณะที่ รรท.ผบ.ตร. เดินหน้าประชุม ก.ตร.วาระยกย้ายข้าราชการตำรวจตามโครงสร้างใหม่ในตำแหน่ง รอง ผบก.ลงไป 13 ส.ค.นี้ พร้อมเรียกผู้บริหารประชุมหลังว่างเว้นนาน 2 เดือน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) วันที่ 12 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นากยกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่188/2552 ลงวันที่ 11 ส.ค.2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยมีข้อความระบุว่า "โดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีราชการสำคัญเกี่ยวกับการสืบสวนสอบคดีต่างๆ อันสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเตรียมความพร้อมในการประชุมสุดยอดอาเซียน

โดยทั้งสองกรณีเป็นเรื่องที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบและสวัสดิภาพของประชาชน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ได้มีบัญชาให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปกำกับดูแล และติดตามผลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ 12-18 ส.ค.2552

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยคล่องตัว และมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่สามารถกลับมาปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72(1) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ.10 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เป็น รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามความในมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12-18 ส.ค.2552"

"วิเชียร"เดินหน้าจัดโผรองผู้การฯถึงชั้นประทวน

ขณะที่พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่าได้รับทราบคำสั่งให้รักษาราชการแทน ผบ.ตร.แล้วตามหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่ นร 0405(ลน)/7344ลงวันที่ 11 ส.ค.2552 เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท ต้องลงไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่ภูเก็ต ซึ่งในภาระกิจแรกของตนในวันที่ 13 ส.ค.นี้ คือการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ในเวลา 13.00 น. โดยมีวาระในการประชุมเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามโครงสร้างใหม่ในตำแหน่ง รอง ผบก.ลงไป เพราะตามกำหนดการเดิมจะมีการประกาศราชกิจานุเบกษาในวันที่ 15 ส.ค.2552 มีผลในวันที่ 16 ส.ค.2552

แต่การพิจารณาแต่งตั้งอาจจะไม่ทันตามกรอบระยะเวลาเดิม ก็ต้องดูมติของที่ประชุมว่าจะมีมติในเรื่องนี้อย่างไร จะให้ทำตามกรอบเดิม หรือจะขยายระยะเวลาออกไป ส่วนใครจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายก็ต้องดูว่าในช่วงเวลานั้นใครมีอำนาจในการดำเนินการได้ตามกฎหมายก็เป็นผู้ดำเนินการ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ตนรักษาการก็จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

รรท.ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในวันที่14 ส.ค.นี้ ตนจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเพื่อเตรียมพร้อมในการดูแลความสงบกรณีจะมีกลุ่มบุคคลจะยื่นถวายฎีกา ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และในระหว่างนั้นจะสั่งการให้แต่ละหน่วยงานเตรียมข้อมูลรายงานมาเสนอในวันที่ 18 ส.ค.2552 โดยจะเรียกประชุมผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ระดับ รอง ผบ.ตร.ลงไปจนถึงระดับกองบังคับการทั่วประเทศ เพื่อให้รายงานผลการปฏิบัติในการทำงานในหน้าที่ของแต่ละหน่วยว่า ดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ เพื่อให้ทุกหน่วยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความสงบเรียบร้อยความผาสุกของพี่น้องประชาชน เพราะที่ผ่านมา 2 เดือนแล้วที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีการประชุมบริหารของหน่วยงาน

เลขาฯก.พ.ยังไม่เห็นหนังสือประชุมก.ตร.

นายปรีชา วัชราภัย เลาขาธิการ ก.พ. หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เปิดเผยว่า ตนเองยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งเวียน และวาระการประชุม ก.ตร. ที่ นายสุเทพ เทือก เรียกประชุมในวันพรุ่งนี้ แต่ได้อ่านเจอในข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ จึงไม่ทราบว่า พรุ่งนี้นายสุเทพ มีวาระพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง ส่วนโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ 152 ตำแหน่ง ที่เห็นชอบไปแล้วก่อนหน้านี้ตนมองว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องหยิบหยกมาหารืออีกรอบ

สุเทพปัดบีบผบ.ตร.ลงใต้ยันพล.อ.ประวิตรเข้าใจ

ขณะที่นายสุเทพ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ ได้นัดหารือกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เพื่อพิจารณารายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ขอยืนยันว่าไม่ได้บีบพล.ต.อ.พัชรวาไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เนื่องจาก ต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งสะสางคดีสำคัญที่ยังค้างอยู่ อีกทั้งยังเป็นการไปดูแลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนด้วย และเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่มีข้อสงสัยในการออกคำสั่งในครั้งนี้

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องมีผู้รักษาการแทน แม้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะปฏิบัติราชการอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook