วันนี้ (13 พ.ค.) เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากจีน เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2563 โดยระบุว่ามีกำไรอยู่ที่ 27,984 ล้านหยวน (3,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณ 126,637 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รายได้รวมของเทนเซ็นต์ยังเพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 108,065 ล้านหยวน (15,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือราว 488,979 ล้านบาท
ขณะที่ นายหม่า ฮั่วเถิง ประธานกรรมการและซีอีโอของเทนเซ็นต์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 บริษัทฯ เลือกจะนำเสนอบริการอันหลากหลายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารไปจนถึงความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จและประสิทธิผลจากการดำเนินงานจนทำให้สามารถเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งพันธกิจที่ว่า "Tech for Good"
ทั้งนี้ ซีอีโอแห่งเทนเซ็นต์ยังระบุเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้อุทิศทั้งเวลาและทรัพยากรต่างๆ เพื่อร่วมสู้กับวิกฤตโควิด-19 ที่รวมไปถึงการบริจาคเงินกว่า 2,000 ล้านหยวน หรือราว 9,040 ล้านบาท ในการช่วยเยียวยาและบรรเทาทุกข์ผู้ได้รับผลกระทบทั้งในจีนและทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกออกเป็นหมวดธุรกิจต่างๆ ภายใต้การบริหารของเทนเซ็นต์พบว่าสามารถแบ่งได้เป็น 3 หมวดหลักๆ ได้แก่
1. บริการ VAS ซึ่งสร้างรายได้อยู่ที่ 62,429 ล้านหยวน (ประมาณ 282,179 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่ในหมวดนี้มาจากธุรกิจเกมออนไลน์เป็นหลัก เช่น PUBG Mobile, Clash of Clans, Honor of Kings, Peacekeeper Elite และ Honour of Kings เป็นต้น
2. โฆษณาออนไลน์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสแรกของปี 2019 โดยอยู่ที่ 17,713 ล้านหยวน (ประมาณ 80,062 ล้านบาท) ซึ่งรายได้ในหมวดนี้มาจากแพลตฟอร์มของบริษัท เช่น Weixin (เวอร์ชั่นนอกจีนใช้ชื่อ WeChat) และ QQ
3. ฟินเทคและบริการด้านธุรกิจ มีรายได้อยู่ที่ 26,475 ล้านหยวน (ประมาณ 119,667 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 22% จากปีที่แล้ว โดยบริการในหมวดนี้ อาทิ Tencent Cloud, Tencent Meeting (เวอร์ชั่นนอกจีนใช้ชื่อ VooV Meeting) เป็นต้น
แม้จะสร้างผลประกอบการได้อย่างน่าพอใจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ก็ตาม แต่เทนเซ็นต์ก็หวังว่าด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวจะสามารถรองรับการกลับมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนได้อย่างดี พร้อมกับเชื่อมั่นว่าด้วยบริการต่างๆ ที่บริษัทมีอย่างหลากหลายจะตอบสนองลูกค้าและผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ