เพรียวพันธ์ น้ำตาคลอ-ลั่นฟ้องศาลปค.

เพรียวพันธ์ น้ำตาคลอ-ลั่นฟ้องศาลปค.

เพรียวพันธ์ น้ำตาคลอ-ลั่นฟ้องศาลปค.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ แถลงข่าวเสียงสั่น น้ำตาคลอ น้อยใจไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการ ผบ.ตร. ซัดการเมืองแทรกแซงทำให้ไม่ได้รับตำแหน่งสำคัญ จากการเป็นญาติ ทักษิณ เดินหน้าขอความเป็นธรรม ก.ต.ช. และฟ้องศาลปกครองต่อไป ด้านนายกฯงัดพรบ.ตำรวจ ม.72 ยันตั้งรักษาการพิจารณาจากความเหมาะสมและหลักอาวุโสด้วย ชี้ วิเชียร ติดยศ พล.ต.อ. มาก่อนใคร ไม่สนหากถูก เพียวพันธุ์ฟ้องกลับ

(6ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดสำนักงานแถลงข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอเบ้า กรณีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ.10 เป็นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่ตนมีอาวุโสสูงสุด และเคยทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.มา แล้ว 2 ครั้ง อีกทั้งยังตั้งใจทำงานมาตลอด ทั้งเป็นการกระทำที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโส ที่กำหนดให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีอาวุโสสูงสุดต้องเป็นผู้รักษาราชการแทน แสดงให้เห็นว่า มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยหลังจากนี้ จะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมตามขั้นตอน โดยขณะนี้ได้ยื่นเอกสารขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.แล้ว

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ยังกล่าวด้วยความน้อยใจว่า ที่ผ่านมาตนเองตั้งใจทำงานมาโดยตลอด แต่กลับถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งที่ไม่เคยเดินเข้าหาพรรคการเมืองใด และจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมจนถึงที่สุด เชื่อว่าการไม่ตั้งเป็นรักษาการผบ.ตร. เป็นการสกัดจากฝ่ายการเมือง เพื่อไม่ให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ เนื่องจากเป็นญาติของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะฟ้องศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาวุโสสูงสุดในขณะนี้ และเคยถูกมรสุมทางการเมืองสมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมีการฟ้องร้องศาลปกครอง จนได้กลับมาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้งสมัย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวส เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


มาร์คยันวิเชียรเหมาะไม่สนเพียวพันธุ์ฟ้อง

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 6 ส.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชารชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.แสดงความไม่พอใจที่เป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 แต่กลับไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรักษาการผบ.ตร. เเละระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า อยากเรียนว่า การตั้งผู้รักษาราชการแทนผบ.ตร. เป็นไปตามมาตรา 72 ของพ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งตนพิจารณาจากความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ปัจจุบัน และได้ดูในเรื่องอาวุโสเหมือนกัน ถ้าพูดตามจริงแล้ว พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการผบ.ตร. เป็นพล.ต.อ.มาก่อนใคร ก็ดูประกอบไปด้วยไม่ใช่เรื่องอาวุโสอย่างเดียว

เมื่อถามว่า มีการแย้งว่าพล.ต.อ.วิเชียรได้ยศ พล.ต.อ.จากนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้เป็นประเด็น เพราะในกฎหมาย การจะให้ใครรักษาราชการแทนเป็นดุลพินิจของนายกฯตามกฎหมาย แต่ตนพยายามดูหลายปัจจัยประกอบกัน ในภาวะที่บ้านเมืองมีปัญหาเรื่องคดีความและยังีมความขัดแย้งอยู่ ตนก็พยายามหาบุคคลที่ตนคิดว่าสามารถทำให้สถานการณ์และงานต่างๆเดินต่อไปได้ ยืนยันว่าทำตามกฎหมายทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า หากพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ฟ้องกลับจะทำอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ใครอยากจะใช้สิทธิก็ได้ แต่ตนทำตามกฎหมาย ตนไม่ได้กังวลอะไร เมื่อถามว่า ในภาวะที่การเมืองในสตช.ร้อนแรง มีคนแนะนำให้นายกฯถอยออกมาบ้าง นายอภิสิทธิ์ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถามนี้และเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

"วิเชียร"ระบุถก ก.ตร.ไม่มีรื้อโผ 152 นายพล

เมื่อเวลา 13.00 น.พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวถึงการนำวาระเรื่องการแต่งตั้ง 152 นายพล ตามโครงสร้างตำรวจใหม่ เข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)วันศุกร์นี้ว่า เป็นการพิจารณาว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อโครงสร้างในการแบ่งส่วนราชการยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็เหมือน บ้านยังไม่มีแล้วจะย้ายเข้าไปอยู่ได้อย่างไร และจากที่พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะไปรื้อไปย้ายหรือ ทบทวนตำแหน่งอะไรเป็นไป ทั้งนี้ ในที่ประชุมนั้น ก็เป็นไปตามอำนาจของ ก.ตร. ไม่ได้เป็นอำนาจของผบ.ตร.

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ปป.1 ออกมาแถลงข่าวขอความเป็นธรรมว่า ตนเองเป็นผู้มีอาวุโสสุงสุด แต่กลับไม่ได้ตำแหน่งรักษาการผบ.ตร. ว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา และเป็นไปตามกฎหมาย ที่สามารถแต่งตั้งได้ตามพ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 72 โดยปฎิเสธที่จะตอบคำถามว่า ใครเป็นผู้อาวุโสสุงสุด เพราะทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ตร. แต่สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษาแล้ว ตนเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด และคงต้องไปดูตามระเบียบอีกที

เมื่อถามว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีคำสั่งห้าม พล.ต.อ.วิเชียร เข้าเขตพระราชฐานนั้น พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการสอบสวนและยุติไปนานแล้ว ส่วนที่มีการนำเรื่องดังกล่าวมาเผยแพร่อีกนั้น พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่การทำหน้าที่ไปถูกใจใครหรือไม่ถูกใจใคร ส่วนจะมีการกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตนมีหน้าที่ โดยได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้รักษาราชการแทนก็ต้องปฎิบัติหน้าที่ไป และไม่คาดหวังว่าจะได้รับการพิจารณาในตำแหน่งผบ.ตร. ที่จะมีการคัดเลือกในการประชุม คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)ภายในเดือนสิงหาคมนี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook