ศึกใหญ่! แม่ยายแจ้งความลูกเขย แอบยกเลิกสิทธิ์ 5,000 บาท ลูกเขยสวนไม่เดือดร้อนจริง

ศึกใหญ่! แม่ยายแจ้งความลูกเขย แอบยกเลิกสิทธิ์ 5,000 บาท ลูกเขยสวนไม่เดือดร้อนจริง

ศึกใหญ่! แม่ยายแจ้งความลูกเขย แอบยกเลิกสิทธิ์ 5,000 บาท ลูกเขยสวนไม่เดือดร้อนจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 นางฉวีวรรณ คล้ายศรี อายุ 60 ปี ชาวจังหวัดสิงห์บุรี ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองสิงห์บุรี เพื่อแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่ถูกนาย กฤษณะ จาดภักดี อายุ 43 ปี ลูกเขย ข่มขู่ ดุด่า พร้อมยกเลิกสิทธิขอรับเงินเยียวยา จำนวน 5,000 บาทจากรัฐบาล ของตน

นางฉวีวรรณ กล่าว่า ตนมีอาชีพค้าขาย อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ร่วมกับสามีซึ่งมีอาชีพเป็นนักแสดงลิเก พร้อมลูกสาว และนายกฤษณะ ที่เป็นลูกเขย ต่อมาเมื่อรัฐบาลเปิดมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จะได้รับเงินสนับสนุนรายละ 5,000 บาท ต่อเดือน ตนจึงให้ นายกฤษณะ ก็เป็นธุระจัดการเรื่องลงทะเบียนกรอกข้อมูลให้ทุกคนในบ้าน เนื่องจากตนและสามีไม่มีความรู้เรื่องการลงทะเบียน จนทุกคนได้รับเยียวยาช่วยเหลือรายละ 5,000 บาทครบหมดทุกคน เหลือเพียงแต่ตนที่ยังไม่ได้รับ อยู่ระหว่างรอการตรวจสอบ ตนจึงได้วานให้ นายกฤษณะ ช่วยยืนยันข้อมูล และลงทะเบียนยืนยันซ้ำไปอีกครั้ง โดยสัญญาว่า หากได้รับเงินช่วยเหลือ จะให้ค่าจ้าง นายกฤษณะ เป็นจำนวนเงิน 500 บาท ซึ่ง นายกฤษณะ ก็ยินดีให้การช่วยเหลือ

ต่อมาทางองค์การบริหารส่วนตำบลต้นโพธิ์ ได้แจ้งว่า จะให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนในตำบลต้นโพธิ์อีก เป็นจำนวนเงินครอบครัวละ 2,000 บาท โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ที่มีรายชื่อเป็นเจ้าบ้าน นายกฤษณะ ซึ่งเป็นลูกเขยทราบข่าว ก็มาขอให้ตนแบ่งเงินที่จะได้รับการช่วยเหลือจาก อบต.ต้นโพธิ์ แต่ตนไม่ยอม ทำให้ นายกฤษณะ โมโห ไปดำเนินการยกเลิกสิทธิขอรับเงินเยียวยาจากรัฐบาล จำนวน 5000 บาท ของตน พร้อมทั้งดุด่า ว่าร้ายตน ทำให้ตนต้องมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน นายกฤษณะ วัย 43 ปี ลูกเขยก็กล่าวว่า ตนเป็นผู้กรอกข้อมูลลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาให้ทุกคนในบ้านจริง แต่ข้อมูลบางส่วนก็คลาดเคลื่อน เมื่อ องค์การบริหารส่วนตำบลต้นโพธิ์แจ้งให้เจ้าบ้านไปลงทะเบียนรับเงินเยียวยาอีก 2,000 บาท ตนจึงบอกกับ นางฉวีวรรณ แม่ยายว่า น่าจะนำมาแบ่งให้ทุกคนในครอบครัว แต่ นางฉวีวรรณ กลับตอบว่า เขาให้เฉพาะเจ้าบ้าน ซึ่งตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะรายจ่ายในบ้านตนและภรรยาก็ช่วยจ่ายอยู่เป็นประจำ เมื่อได้รับเงินช่วยเหลือก็น่าจะแบ่งกัน ไม่ใช่นำไปใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนกรณีที่ตนไปแจ้งยกเลิกการขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาทของนางฉวีวรรณนั้น เป็นเพราะตนกลัวว่าจะมีความผิดเพราะข้อมูลที่แจ้งไป ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะก่อนเกิดวิกฤติ โควิด -19 นางฉวีวรรณ ก็ยังค้าขายอยู่จนทุกวันนี้ นางฉวีวรรณ ก็ยังสามารถค้าขายได้เป็นปกติ แทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook