พ่อแม่คาใจ กู้ภัยทิ้งศพลูกชายไว้ริมถนน เศร้าซ้ำผู้ใหญ่บ้านขออย่านำศพกลับหมู่บ้าน

วานนี้ (18 เม.ย.63) เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีศพชายถูกรถอาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่ง ทิ้งไว้บริเวณถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง ก่อนถึงแยกลำกะโหลก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ  ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับตลาดเซราะกราว หน้าบ้านหลังหนึ่ง บนถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง พบศพ นายสุรเดช อายุ 38 ปี นอนอยู่ริมถนน โดยผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นนายสุรเดช เดินๆ อยู่แล้วหยุดนิ่ง ก่อนจะล้มหัวฟาดพื้นมีเลือดไหลที่ศีรษะ จึงได้โทรแจ้งกู้ภัย

จากนั้นมีรถมูลนิธิเข้ามา มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิลงมาทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ขณะนั้นนายสุรเดชยังมีชีพจรอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายสุรเดชขึ้นรถกู้ชีพมูลนิธิไปเพื่อนำส่งโรงพยาบาล โดยมีเพื่อนร่วมงานขับรถจักรยานยนต์ตามรถมูลนิธิมา ปรากฏว่าเห็นรถมูลนิธิคันที่นำนายสุรเดชขึ้นรถมา ได้จอดรถบริเวณตลาดเซาะกราว ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุแรกประมาณ 500 เมตร จากนั้นได้มีการนำตัวนายสุรเดชลงมาจากรถ นำมานอนอยู่ข้างถนนและทำการปั๊มหัวใจ ต่อมาไม่นานได้มีรถของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมาถึง โดยมีเจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันมาด้วยกันหลายคน พอมูลนิธิดังกล่าวเห็นรถกู้ชีพโรงพยาบาลมาจึงได้ขับรถออกไป สิ่งที่ตนเองและเพื่อน สงสัยคือทำไมต้องเอาตัวนายสุรเดชลงมาจากรถบริเวณนี้ ทั้งๆ ที่ตัวนายสุรเดชก็นอนอยู่บนรถกู้ชีพอยู่แล้ว  

ล่าสุด (19 เม.ย.63) พ่อแม่ผู้ตายที่ จ.บุรีรัมย์ ทราบเรื่องแล้ว เผยลูกไปทำงานที่ กทม.ได้ 5 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาก็ติดต่อกันเป็นประจำ ตกใจและเสียใจมาก หลังมีคนโทรมาบอกว่าลูกตาย และมีคนทิ้งศพลูก ทั้งนี้เมื่อผู้ใหญ่บ้านทราบเรื่องก็ไม่อยากให้นำศพกลับมาที่หมู่บ้าน อยากให้ทำศพที่ กทม. 

ด้านนางสมาน แม่ผู้ตาย บอกว่า ลูกชายมีอาชีพรับจ้างก็จะไปทำงานก่อสร้างตามจังหวัดต่างๆ ล่าสุดได้ไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ ประมาณ 6-7 เดือนแล้ว  แต่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันนานๆ หรือเทศกาลจะกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ตอนที่ลูกชายอยู่กรุงเทพฯ ก็พยายามถามข่าวจากผู้เป็นพี่สาวซึ่งทำงานอยู่กรุงเทพฯ แต่ที่ลูกชายเสียชีวิตก็ไม่มีใครทราบเลย มารู้อีกทีเพราะมีชาวบ้านมาบอกว่ามีกู้ภัยฯ นำศพคนมาทิ้งไว้ข้างทาง กระทั่งมีการตรวจสอบจึงทราบภายหลังว่าศพดังกล่าวเป็นลูกชายของตัวเอง  ก็ตกใจและเสียใจมาก หากลูกเสียชีวิตจริงทำไมไม่เอาไปไว้ที่โรงพยาบาล ทำไมต้องทิ้งไว้แบบนั้น ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย   ส่วนที่หลายคนคิดไปต่างๆ นานาว่าลูกชายติดโควิดหรือไม่นั้นก็ควรจะส่งให้แพทย์ตรวจให้ชัดเจน แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะติด น่าจะเสียชีวิตจากการดื่มเหล้าหนักเพราะลูกชายชอบดื่มเหล้า อาจจะขาดเหล้าทำให้ลงแดงก็เป็นได้

นางสมาน ยังบอกอีกว่า หัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็อยากจะไปงานศพลูกชาย แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ทางครอบครัวก็ตัดสินใจว่าให้พี่สาวที่อยู่กรุงเทพฯ จัดการเรื่องงานศพเลยเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว ทางครอบครัวก็จะนำกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านอีกครั้ง      

ขณะที่นางสมอาง ญาติผู้ตาย กล่าวว่า  ทางครอบครัวติดใจกรณีที่กู้ภัยฯ นำศพหลานมาทิ้งข้างถนน ซึ่งไม่ว่าจะเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่ควรจะทำแบบนั้น  น่าจะเอาไปไว้ที่โรงพยาบาล หรือหากจะวางไว้แล้วรถให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็ควรจะรอให้ตำรวจมาถึงก่อนแล้วค่อยไป ไม่ควรจะทิ้งไว้ข้างถนน  ก็อยากฝากให้ทางกู้ภัยฯ ออกมาชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น  และอยากให้ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย  เพื่อความเป็นธรรมกับทางครอบครัว  ส่วนสาเหตุการตายก็อยากให้มีการตรวจสอบให้ทราบแน่ชัดว่าตายเพราะสาเหตุอะไร