เปิดเฉพาะกิจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ปิดเพจเฟซบุ๊กแล้ว หลังต้องเสี่ยงชีวิต-ถูกโยงการเมือง

เปิดเฉพาะกิจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ปิดเพจเฟซบุ๊กแล้ว หลังต้องเสี่ยงชีวิต-ถูกโยงการเมือง

เปิดเฉพาะกิจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ปิดเพจเฟซบุ๊กแล้ว หลังต้องเสี่ยงชีวิต-ถูกโยงการเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นประเด็นฮอตในโซเชียล หลังจากที่ออกมาโพสต์เปิดโปงขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยมีผู้เกี่ยวข้องเป็นทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้โพสต์ข้อความล่าสุด ช่วงค่ำวันนี้ (9 มี.ค.) โดยมีใจความระบุว่า

"ถ้าการที่กูเสี่ยงชีวิตเปิดเผยความจริงเรื่องหน้ากากสองสามวันนี้ ยังมีคนโยงกูไปสีนี้ สีไหน กูแนะน่าว่าแยกแยะไม่ได้ก็ให้ถึงไปตายซะนะ เรื่องที่เกิดขึ้นคือเราทุกคนเดือดร้อนกันหมด สถานพยาบาลไม่มีหน้ากากอนามัย มันคือความล้มเหลวทางการจัดการของหน่วยงานรัฐบาล ไวรัสมันไม่มีสี มีฝ่าย มีงจะส้ม แดง เหลือง เขียว ซึ่งก็ตายห่าได้และมันต้องมีคนพูดความจริงเพื่อแก้ไขมัน

กูก็ได้แต่หวังว่าพี่ๆสื่อที่เคารพจะตามติดปมหน้ากากอนามัยไปให้ถึงรายใหญ่ที่เกี่ยวข้อง และทำให้สถานการณ์หน้ากากขาดแคลนในประเทศดีขึ้น จัดความสำคัญของคนต้องการใช้มากที่สุดดีๆ กูหวังแค่นั้นจริงๆ กูดีใจนะทุกครั้งที่ออกมากูเจอแต่คนใจดีมีน้ำใจ และพร้อมช่วยเหลือกันเวลาเราประสบปัญหาใดๆ การมีสติช่วยกันแก้ไขไม่เห็นแก่ตัวจะทำพวกเรารอด

อีกสองชั่วโมงเพจก็ปิดแล้วบอกตามตรงที่บ้านกูไม่สบายใจเอาอย่างมาก ที่กูมาเล่นเรื่องนี้แต่มันอดไม่ไหว ทีมงานอาสากูเขาก็เปิดหน้ากันหมด เขาพูดตลอดควีนลุยเลยเราไม่กลัวพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่มันก็ไม่ไหวนะ ที่จะเอาชีวิตคนเปิดหน้าสู้ไปเสี่ยงกับอะไรก็ไม่รู้ในวันที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ที่สำคัญเจตนารมณ์เพจไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองด้วย

ก็หวังแต่รอบหน้าเปิดเพจมา ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ มีรอยยิ้มของทุกโรงพยาบาลที่พวกเราส่งหน้ากากไปช่วยเหลือ แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ"

เพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ เพจช่วยเหลือสังคมซึ่งมีผู้ติดตามเกือบ 3 ล้านคน ได้ประกาศปิดเพจไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2561 โดย "ควีน" ซึ่งเป็นแอดมินเพจ ให้เหตุผลว่า ระบุว่า ด้วยความที่ทำเพจคนเดียว จึงไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องในสังคมได้มาก และยังต้องคอยคัดกรองคนที่เข้ามา เพราะทุกคนก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป นอกจากนี้ยังรู้สึกไม่ดีที่ทำให้คนรอบข้างต้องเป็นเป้าโจมตี ถึงเวลาที่ตนเองจะต้องกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ดูแลครอบครัว

อย่างไรก็ตาม เพจดังกล่าวได้เปิดขึ้นมาอีกครั้งแบบเฉพาะกิจ หลังเกิดวิกฤตหน้ากากอนามัยขาดแคลน โดยทางเพจได้มีการประสานงานและนำเงินจากผู้บริจาคไปซื้อหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของบุคลากรทางการแพทย์ ก่อนจะปิดเพจหยุดการเคลื่อนไหวไปอีกครั้งหนึ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook