"เอ๋" ควงทนายแถลงโต้ คดีรุกป่า ชี้ เพราะชื่อปารีณาเลยมีปัญหา เป็นคนอื่นรอดไปแล้ว

"เอ๋" ควงทนายแถลงโต้ คดีรุกป่า ชี้ เพราะชื่อปารีณาเลยมีปัญหา เป็นคนอื่นรอดไปแล้ว

"เอ๋" ควงทนายแถลงโต้ คดีรุกป่า ชี้ เพราะชื่อปารีณาเลยมีปัญหา เป็นคนอื่นรอดไปแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายทศพล เพ็งส้ม ในฐานะเป็นทนายความ ที่พรรคพลังประชารัฐแต่งตั้งให้ดูแล แถลงข่าวถึงกรณีถูกกล่าวหาเรื่องบุกรุกที่ดิน ที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

นางสาวปารีณา กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความออกมานั้นถือว่าตัวเองยังไม่ถูกตัดสินและจะขอสู้คดีถึงที่สุด ยืนยันไม่ได้บุกรุกป่า ตอนนี้ยังไม่ได้หาช่องทางการต่อสู้คดี เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่า ส.ป.ก.และ กรมป่าไม้ จะดำเนินคดีกับตนเองในประเด็นใดบ้าง

พร้อมกันนี้มองว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเพียงที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาลเท่านั้น ยังไม่ใช่ศาลที่จะตัดสินชี้ถูกผิด ขณะเดียวกันยังยืนยันว่าตนเอง ไม่มีเรื่องเส้นสายหรือได้รับปกป้องจากรัฐบาล และที่ผ่านมาโดนกระทำมากกว่าชาวบ้านคนอื่นๆ ได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไม่ได้เลี้ยงไก่เหมือนเดิม โดยหลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะออกมาปกป้องตนเองด้วยการฟ้องกลับต่อผู้ที่ออกมาโจมตีโดยปราศจากความจริง

ขณะที่เรื่องปล่อยสุนัข ตนไม่ทราบและไม่ได้เป็นคนปล่อย ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยเพื่อขัดขวางการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เพราะที่ผ่านมาหลังจากคืนที่ดินไป ก็ไม่เคยเข้าพื้นที่อีก

ส่วนกรณีที่การตรวจสอบที่ดินที่ยังไม่ชัดเจนว่ารุกที่กี่ไร่แม้จะมีการเข้าไปตรวจหลายครั้งแล้ว นางสาวปารีณา บอกว่าเรื่องนี้ต้องไปถาม ส.ป.ก.และกรมป่าไม้ ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการ

เรื่องที่บอกว่ารุกเพิ่มอีก 1,000 ไร่นั้น นางสาวปารีณา ตั้งข้อสังเกตว่า ไปเอาข้อมูลมาจากไหน เป็นเจ้าของที่ดินหรือไม่ ถึงกล่าวอ้างได้

ทนายอ้างผิดเพราะชื่อปารีณา

นายทศพล เพ็งส้ม ทนายความมองว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความออกมาได้ 6 ประเด็น โดยตั้งข้อสังเกตว่า หน่วยงานใดจะเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีก่อน เพราะกฎหมายป่าไม้ก็ฉบับหนึ่ง ส่วน ส.ป.ก.ก็เป็นกฎหมายอีกฉบับ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วแล้ว ฉะนั้นต้องสอบถามคนในพื้นที่ และจากที่ได้รับทราบจากนางสาวปารีณา ทั้ง 2 หน่วยงานยังไม่เคยเข้าไปสอบถามคนในพื้นที่

ทั้งนี้นายทศพล ยังอ้างอิงถึงกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม ชี้ว่าที่ดิน ส.ป.ก.ต้องยึดภายใต้ 4 หลักเกณฑ์ ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาปี 2558 ทั้งการกำหนดเขตพื้นที่ ส.ป.ก. , มติ ครม.ให้ที่ดินเข้าสู่การปฏิรูป , ส.ป.ก.ออกแผนงานปฏิรูป และมีงบประมาณเข้าไปดำเนินการ ทั้งหมดตนเองจะยึดมาเป็นแนวทาง

นายทศพล ปฏิเสธว่า ไม่ได้แถลงข่าวเพื่อตอบโต้สังคม แต่เป็นเพียงการโต้ทางคดี ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ที่ดินบางแปลงมีทั้งออกโฉนดและไม่ออกโฉนด รวมทั้งมีเอกสารบางฉบับที่หายไป และการลงสำรวจครั้งที่ผ่านมายังไม่ปรากฏเอกสาร จนถึงขณะนี้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่มีความชัดเจนเลย จึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้ช่องทางใดในการต่อสู้ทางคดี แต่ส่วนตัวมั่นใจว่า นางสาวปารีณาไม่มีความผิด ตั้งแต่เข้ามาทำคดีนี้

นายทศพล กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ดำเนินคดี เพราะทางกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.เองก็ไม่มั่นใจว่า นางสาวปารีณารุกที่จริงหรือไม่ เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายควรไปตกลงกันให้แล้วเสร็จก่อน

"เพราะเขาชื่อปารีณาถึงมีปัญหา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีปัญหาอย่างนี้" นายทศพล กล่าว

ส่วนการลงพื้นที่เขาสนฟาร์มของกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ที่มีการระบุว่า ได้นัดนางสาวปารีณาแล้ว แต่นางสาวปารีณากลับเบี้ยว

นายทศพล กล่าวว่า ทำไมนางสาวปารีณาต้องไปนำชี้ ถ้าไปชี้เท่ากับว่านางสาวปารีณาเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ส.ป.ก.หรือกรมป่าไม้ต้องทราบเรื่องพื้นที่อยู่แล้ว ทำไมต้องให้ไปนำชี้ด้วย และการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ได้ให้คนอื่นไปนำชี้ด้วยนั้น ตนอยากถามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงให้คนอื่นไปนำชี้ และคนนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในพื้นที่หรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook