กฤษฎีกา ชี้ ที่ดิน "ปารีณา" ยังเป็นเขตป่าสงวน ชง ส.ป.ก.เป็นเจ้าภาพดำเนินคดี

กฤษฎีกา ชี้ ที่ดิน "ปารีณา" ยังเป็นเขตป่าสงวน ชง ส.ป.ก.เป็นเจ้าภาพดำเนินคดี

กฤษฎีกา ชี้ ที่ดิน "ปารีณา" ยังเป็นเขตป่าสงวน ชง ส.ป.ก.เป็นเจ้าภาพดำเนินคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตร แจ้งว่าล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งบันทึกเรื่อง การบังคับใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กรมป่าไม้ได้มีหนังสือหารือด่วนที่สุดเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการกรณีที่กรมป่าไม้มอบที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวรที่เสื่อมสภาพแล้ว อีกทั้งมีราษฎรเข้าถือครองทำกินอยู่ให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นำไปปฏิรูปที่ดิน แต่ ส.ป.ก. ยังไม่นำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์ ดังนั้นทั้ง 2 หน่วยงานจึงมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับสถานะของที่ดินและอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย

ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อหารือของกรมป่าไม้แล้วมีความเห็นเกี่ยวกับสถานะที่ดินว่ายังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เนื่องจากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดขอบเขตของที่ดินที่จะทำการปฏิรูปที่ดินเท่านั้น ไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในทันที จนกว่าจะได้มีการส่งมอบพื้นที่ให้แก่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ได้รับอนุญาตตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดต่อไป

สำหรับอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการตามกฎหมาย กรณีพบการกระทำความผิดฐานบุกรุกพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก. มีหน้าที่และอำนาจในการจับกุมปราบปรามหรือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงาน สอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้และกฎหมายอื่นเนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินดังกล่าวและต้องป้องกันการกระทำใดๆ ที่เป็นผลร้ายต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดิน การที่มีผู้บุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครอง หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดินนั้น ส.ป.ก. จึงเป็นผู้ได้รับความเสียหายและมีสิทธิที่จะกล่าวโทษผู้กระทำความผิดเพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมายได้

แต่ทั้งนี้เนื่องจากที่ดินนั้นยังคงมีสถานะเป็น “ป่า” กรมป่าไม้จึงยังคงมีหน้าที่และอำนาจในการดูแลรักษาที่ดินที่เป็นป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ ด้วยเหตุนี้ทั้งกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. ต่างมีหน้าที่และอำนาจดูแลรักษาที่ดิน ป่าสงวนแห่งชาติในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมร่วมกันตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน

จากหนังสือตอบข้อหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกากลับมายังกรมป่าไม้ตามที่ระบุนั้น ทั้งอธิบดีกรมป่าไม้และเลขาธิการส.ป.ก. จึงเตรียมจะนัดวันเวลาเพื่อประชุมกำหนดแนวทางปฏิบัติ ทั้งนี้หากยังมีประเด็นใดที่ทั้ง 2 หน่วยงานตีความไม่ตรงกัน จะต้องหาข้อยุติให้สอดคล้องกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่าวันที่ 12 ก.พ.ที่จะถึงนี้ นายเอกพงศ์ น้อยสร้าง หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)จะเดินทางลงแปลงส.ป.ก.ที่ตั้งฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ถือครองที่ดินส.ป.ก.กว่า 682 ไร่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หากขัดขืนไม่ให้เข้าแปลงที่ดินเหมือนที่ผ่านมาและไม่ยอมส่งมอบที่ดินคืนส.ป.ก.จะไปแจ้งความ น.ส.ปารีณา ข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐทันที โดยขณะนี้ได้ประชุมเตรียมพร้อมทีมงานฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายช่างรังวัดแนวเขต เพื่อบังคับใช้กฎหมายส.ป.ก.เข้ายึดพื้นที่อย่างเด็ดขาดทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook