เจ้าของร้านเพชรโต้ "ลูกตาล" ให้ยืมเงินล้านเพราะสงสาร เสียใจบอกจะมาตบทั้งที่มีบุญคุณ

เจ้าของร้านเพชรโต้ "ลูกตาล" ให้ยืมเงินล้านเพราะสงสาร เสียใจบอกจะมาตบทั้งที่มีบุญคุณ

เจ้าของร้านเพชรโต้ "ลูกตาล" ให้ยืมเงินล้านเพราะสงสาร เสียใจบอกจะมาตบทั้งที่มีบุญคุณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีคลิปสนั่นโซเชียล "ลูกตาล-ชโลมจิต จันทร์เกตุ" ถูกเจ้าของร้านเพชร บุกทวงเงิน 1.4 ล้านบาท ถึงฟิตเนสย่านอาร์ซีเอ ก่อนที่ลูกตาลจะขึ้นรถหรูขับออกไป โดยเจ้าของร้านเพชรเปิดใจว่าอีกฝ่ายยืมเงินไป 1.4 ล้านบาท ต้องคืนเงินในเดือนธันวาคมปี 2561 ซึ่งได้ทำสัญญามีเอกสารทุกอย่าง

แต่พอถึงกำหนด ลูกตาลก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดพร้อมกับบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง ติดต่อไม่ได้จนต้องบุกไปทวงถามถึงฟิตเนส ด้านลูกตาลควงทนายความแถลงโต้กลับ ยืนยันจ่ายไปแล้วกว่า 8 แสนต่อปี แต่หนี้ไม่ลดลง ทั้งที่ถูกอีกฝ่ายยึดทรัพย์สิน ทั้งเครื่องเพชรและรถมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว

ล่าสุดรายการโหนกระแสวันนี้ (5 ก.พ.) "หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ "คุณจุ๋ม" คู่กรณี "ลูกตาล ชโลมจิต" มาพร้อม "น้องเบล" ลูกสาวซึ่งเป็นคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว

เรื่องเป็นยังไง ทำอะไรอยู่?

จุ๋ม : "ทำธุรกิจเพชรแท้ บลูไดมอนด์ อยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วไป เปิดหลายสาขาค่ะ"

เรื่องราวที่มาที่ไป ทำไมคุณไปเป็นเจ้าหนี้เขาได้?

จุ๋ม : "ต้องเรียนให้ทราบว่าพี่เองกับคุณลูกตาลเป็นเพื่อนกัน มีคนในวงการแนะนำให้รู้จัก เรารู้จักกันมานานพอสมควรในระดับหนึ่ง ที่ว่าเขาก็เชื้อเชิญให้ไปงานแต่งงาน เปิดฟิตเนส งานหมั้นอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นแขกในงานนั้นๆ ทีนี้ด้วยความเราสนิทกันมาก วันหนึ่งเขาประสบปัญหาธุรกิจตัวเอง"

พูดตรงๆ ช็อตเรื่องการเงิน?

จุ๋ม : "ใช่ค่ะ"

ก่อนหน้านี้เขามาซื้อของกับพี่มั้ย?

จุ๋ม : "เขาซื้อแหวน ราคา 2 แสนกว่าบาท"

แต่เขาบอกว่าซื้อแหวนพี่ไปล้านกว่าบาท?

จุ๋ม : "ไม่ใช่ค่ะ มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่เขาสั่งทำ คือแหวนแต่งงานของเขา 230,000 และอีกวงเป็นของน้องสาว"

มีเอกสารมั้ย?

จุ๋ม : "มีหมด แต่อยู่ที่ทนายความค่ะ มันเป็นงานสั่งทำ สั่งผลิตใหม่ แล้วก็มีแหวนน้องสาวเขาสั่งทำ เป็นแหวนแต่งงานเหมือนกัน ราคา 230,000 เท่ากัน นอกจากนั้นเขาซื้อร้านอื่น ไม่ได้ซื้อร้านพี่"

เขายืมเงินเท่าไหร่?

จุ๋ม : "1.4 ล้านบาท ไม่ได้เกี่ยวว่าสนิทเลยให้ยืม ครั้งแรกที่เขาโทรมา พี่ปฏิเสธไม่ให้ยืมค่ะ พี่บอกว่าไม่สะดวก เสร็จแล้วผ่านไปสองอาทิตย์เขาโทรมาอีก เขาบอกว่าให้ช่วยหน่อย เขาเดือดร้อนมาก พอมีใครพอรู้จักช่วยหยิบยืมเงินให้ได้มั้ย เราเลยไปติดต่อรุ่นพี่ประมาณ 2 ท่านว่าลูกตาลมีความต้องการขอยืมเงินแต่เขาปฏิเสธ ไม่สะดวกให้ เวลาผ่านไประยะหนึ่งเขาโทรมาครั้งที่ 3 คราวนี้เขาอ้อนวอนพี่ แล้วยื่นข้อเสนอให้พี่ ตอนแรกพี่ตัดเขาไปก่อนว่าเราไม่สะดวก ไม่มีเงิน 1.4 ล้านให้ยืม เขาเลยยื่นข้อเสนอบอกว่าเรามีเงินหมุนเวียนในธุรกิจมั้ย ซึ่งเราก็มีเงินโอดี เป็นเงินหมุนเวียนในบริษัทร้านเพชร เราก็เอาเงินโอดีคุยกันว่าถ้าเดือดร้อนขนาดนี้ ถ้าคุณจะเอาเงินโอดีไป พี่ก็ต้องจ่ายแบงก์ ซึ่งเราก็ให้เขาไป 5 แสน 2 ครั้ง แล้วก็ 4 แสน ก็ตกลงว่าถ้าคุณเอาเงินหมุนเวียนในบริษัทพี่ไป ดอก (ดอกเบี้ย) คุณต้องรับผิดชอบ"

ดอกเท่าไหร่?

จุ๋ม : "ตอนนั้นเขายื่นข้อเสนอให้พี่ พี่ไม่ได้เรียกร้อง เขาบอกว่าถ้าได้เงินไป เขาจะให้ผลตอบแทนเป็นรายเดือน 7 หมื่นบาท ส่วนหนึ่งเป็นเงินดอกเบี้ยที่พี่จะต้องให้แบงก์ อีกส่วนเป็นผลประโยชน์ ซึ่งดอกเบี้ยแบงก์ถ้าคำนวณสินเชื่อบุคคลก็ 20% ต่อปี"

จากเงิน 1.4 ล้านเหรอ?

จุ๋ม : "ไม่ค่ะ หมายความว่าที่พี่ทำวงเงินสินเชื่อกับแบงก์"

เอางี้ดีกว่า เงิน 7 หมื่นบาทที่เขาให้พี่ทุกเดือน เหลือเท่าไหร่ถึงพี่?

จุ๋ม : "ไม่เคยคำนวณค่ะ เพราะเรามีระยะเวลา"

5 หมื่นถึงมั้ย?

จุ๋ม : "พี่ไม่เคยคำนวณจริงๆ ตรงนี้เป็นผลตอบแทน ซึ่งจริงๆ แล้วพี่ไม่มีเจตนาให้เขายืม พี่มีหลักฐานว่าเราไม่สะดวกตอนมาขอกู้ยืมเงิน พี่ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ คุณลูกตาลขอร้องให้ช่วย"

วันที่ 28 ก.พ. คุณพิมพ์ไปบอกเขาว่า ให้หาเงินสดมาคืน 1.4 ล้าน และเอาทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนไปดีกว่า?

จุ๋ม : "ใช่ค่ะ ไม่เคยคิดจะยึดทรัพย์ของเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์หรืออย่างอื่น"

คุณบอกว่าเอาทรัพย์สินไปเลย ไม่ต้องมาจ่ายดอกเบี้ย เพราะตั้งแต่แรกบอกว่าไม่มีเงินให้ยืม และไม่ได้ปล่อยกู้ คุณลูกตาลมาขอร้องให้ช่วย ให้นึกถึงวันแรกที่มายืมด้วย วันนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงิน รบกวนคืนเงินสดที่ยืมไปด้วย รบกวนติดต่อกลับหาพี่จุ๋มด่วน หลังจากนั้นคุณลูกตาลบอกสายๆ นะคะ แล้วพี่ก็บอกว่าช่วยติดต่อกลับด้วยค่ะ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวโทรกลับ ไม่สะดวกคุย หลังจากนั้นหาย?

จุ๋ม : "หายค่ะ  มันเกิดอะไรขึ้นคะ บล็อกไลน์ บล็อกเฟซ (เฟซบุ๊ก) มือถือ ติดต่อไม่ได้ค่ะ การที่คุณมาบอกสื่อว่าพี่ยึดทรัพย์ของคุณ ไม่จริง เอกสารชัดเจนแล้วว่าพี่บอกให้คุณมาเอาทรัพย์คุณคืน"

เขาเอาอะไรมาไว้บ้าง?

จุ๋ย : "แหวนแต่งงานของเขา 230,000"

แต่เขาบอกว่าซื้อเป็นล้าน?

จุ๋ม : "เขาซื้อที่อื่นค่ะ เขาไม่ได้ซื้อจากบลูไดมอนต์ ซึ่งตอนแรกเขาเอาแหวนมาแต่เราไม่รับ เพราะมันไม่ใช่เป็นของร้านพี่ แต่เขาก็อ้อนวอนให้ช่วยเอาไว้หน่อย เขาไม่ได้แจ้งว่าราคาเท่าไหร่ ซึ่งไม่ถึงล้านแน่นอน พี่ช่วยเขาเพราะความสงสาร การที่พี่ให้เขาไม่ได้ให้เพราะความยินดี ให้ในฐานะเพื่อน เราสนิทสนมกัน ช่วยเหลือเขาในเรื่องธุรกิจ เพราะเขาเดือดร้อนเรื่องธุรกิจ"

สรุปเขายืมเงินพี่ 1.4 ล้าน เขาเอาอะไรมาวาง?

จุ๋ม : "เขาเอาทรัพย์สินมาไว้ประมาณ 5 ชิ้น มีแหวน 4 วง"

ตีมูลค่าเท่าไหร่?

จุ๋ม : "พี่ไม่ทราบ เพราะพี่ไม่ได้ตีค่ะ เพราะเราตกลงกันแล้วว่าหลักทรัพย์ของคุณ คุณก็เอาคืนไป คุณแค่เอามาวางเฉยๆ ไม่ตีมูลค่าเพราะเรามีความสัมพันธ์กัน เราเอามาแค่เป็นหลักประกัน ไม่ได้เอามาขายพี่"

แหวน 4 วง แล้วมีอะไรอีก?

จุ๋ม : "มีสร้อยหนึ่งเส้น เป็นสร้อยเพชรค่ะ"

แพงมั้ย?

จุ๋ม : "ก็ไม่ทราบค่ะ เพราะเขาไม่ได้ซื้อที่ร้านพี่ค่ะ แล้วเขามาบอกว่าทั้งหมดซื้อจากร้านพี่ มาดิสเครดิตพี่ว่าเพชรไม่ดี โก่งราคา แล้วก็มอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ ต้องเรียนให้ทราบว่าวันที่เกิดเหตุตั้งใจไปพูดถึงเรื่องรถมอเตอร์ไซค์คันนี้"

เขาบอกราคา 6.5 แสน?

จุ๋ม : "เขาพูดราคาเท่าไหร่ก้ได้ แต่ในความเป็นจริง พี่ขายได้ในราคา 2 แสนบาท" 

คุณเอารถเขาไปขายแล้วเหรอ?

จุ๋ม : "ไม่ค่ะ ดูก่อนค่ะ พี่ไป สน. ลงบันทึกประจำวัน"

ในบันทึกประจำวันบอกว่าผู้กู้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันผู้ให้กู้แจ้งให้ทราบ หากผู้กู้ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลา ติดต่อสิทธิการขายรถจักรยานยนต์เป็นของผู้ให้กู้ นี่คือยืนยันไว้ที่ สน.หัวหมาก?

จุ๋ม : "ใช่ค่ะ ไม่ใช่ว่าพี่ไปรับรถมอเตอร์ไซค์คุณมา 3 แสนบาท คุณพูดใส่ร้ายพี่ค่ะ คุณไม่ได้พูดความจริง เอกสารเดียวกัน แต่เวลาสื่อสารพูดไม่ตรงกัน คุณต้องชี้แจงด้วยนะคะ เพราะรถคันนี้เป็นสิทธิ"

ตอนแรกผมจะให้เขามาเคลียร์ต่อหน้า พี่ก็ไม่ให้เขามา?

จุ๋ม : "อย่างนี้นะคะ พี่มีอาชีพขายเพชร ไม่ได้มีอาชีพต้องมานั่งคุยกับเขา เป็นหนี้จ่ายคืนก็จบค่ะ"

ณ วันนั้นพี่บอกเขาเอามอเตอร์ไซค์ 1 คันมาวาง บอก 6 แสนบาท แต่มูลค่าจริงๆ 2 แสนกว่าบาท แหวนอีก 4 วง หนึ่งในนั้นซื้อจากร้านพี่ แต่วงอื่นไม่ใช่จากร้านพี่ แต่เขารวมว่าซื้อจากร้านพี่ทั้งหมด สร้อยเพชรก็ไม่ได้ซื้อจากพี่ แต่บอกว่าซื้อจากร้านพี่เหมือนกัน แล้วรวมทั้งหมดว่าให้ไปแล้วเป็นค่าดอก?

จุ๋ม : "ไม่จริงค่ะ จริงๆ ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นหลักประกัน พี่พิมพ์ไลน์บอกเขาแล้วนะคะว่าให้ช่วยคืนเงินสด 1.4 ล้านมาให้พี่ ให้เอาของเขากลับไป ทุกวันนี้พี่เดือดร้อนมากเลย ไม่สมารถติดต่อเขาได้ เนื่องจากเขาบล็อกไลน์พี่ พี่ต้องชำระดอกเบี้ยแทนเขา เรากำหนดกันไว้ว่าเดือน ธ.ค. ปี 61 เขาต้องชำระให้พี่ แต่เงินจำนวนนี้ พี่ต้องจ่ายดอกให้เขาปี 62 ทั้งปี จนมาปี 63"

เขาโอนเงินมาให้พี่ตลอด พี่จะบอกว่าเงินพวกนี้เป็นเงินกินเปล่า?

จุ๋ม : "ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นเงินที่เขายื่นข้อเสนอ ตอนเขามายืมเงินพี่ไป เรามีการคุยกันว่าพี่ต้องเอาเงินนี้หมุนเวียนในธุรกิจพี่ เขายื่นข้อเสนอว่าจะให้ค่าตอบแทนพี่เป็นรายเดือน"

เงิน 1.4 ล้านยังเป็นหนี้อยู่ แต่เงินที่เขาจ่ายมาแล้ว พี่มองว่าเป็นข้อตกลงที่เขาจะให้พี่เอง ไม่ใช่การหักต้น?

จุ๋ม : "ใช่ค่ะ เป็นผลตอบแทนรายดือน ที่คุณยื่นข้อเสนอให้พี่ ไม่ใช่ดอกเบี้ยค่ะ เขาแบล็กเมล์พี่ ตอนมายืมเงินเขาพูดว่าเขาเดือดร้อน เขายังไลน์บอกว่าเรามีบุญคุณกับเขา เขาไม่เบี้ยวแน่นอน ทนายบอกให้ฟ้องแต่เขาไม่ เขาอยากให้เราให้โอกาส แล้วเขาไปบอกสังคมอย่างเมื่อวาน"

สรุปมอเตอร์ไซค์คันนั้นหักต้นมั้ย?

จุ๋ม : "หักค่ะ พี่ไปที่ร้านเขาเพื่อติดต่อเขา จริงๆ หน้าที่ขายรถมอเตอร์ไซค์ต้องเป็นหน้าที่คุณลูกตาล ไม่ใช่หน้าที่พี่ ที่เอาไปขายเพราะเขาบอกไม่มีเงินชำระ ให้เอาทรัพย์สินไปขายมาหักหนี้ เป็นความประสงค์ของเขา มันอยู่ในใบบันทึกประจำวัน ที่เขาบอกให้เอาไปขายเอง เมื่อวานก็เอาใบนี้มาโชว์ แต่ไม่อ่านให้สื่อฟัง สิทธิ์การขายรถมอเตอร์ไซค์เป็นของพี่"

ตอนนี้เหลือ 1.2 ล้าน แล้วที่เขาบอกจ่ายไป 8 แสนกว่า?

จุ๋ม : "ตรงนั้นเป็นสินน้ำใจ"

ทนายความ : "เป็นการตอบแทนที่อีกฝ่ายตกลงกับฝั่งนี้หรือเปล่า"

แต่ไม่ถือว่าเป็นดอกเหรอ?

จุ๋ม : "ไม่ถือเป็นดอก เพราะพี่มีอาชีพขายเพชร ไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้ พี่เรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่มีเงินให้คุณยืม แต่คุณลูกตาลประสงค์จะเอาเงินพี่ไปให้ได้ แล้วคุณเสนอข้อตอบแทนให้พี่เอง พอมาวันนี้คุณบอกว่าพี่เรียกร้อง พี่ไม่เคยเรียกร้อง เงินที่ให้ตอนหลังๆ คุณก็ให้ช้า ไม่เคยให้ตามกำหนด หลังๆ เดือน 9 คุณก็ไม่ได้ให้"

มีหลักฐานมั้ยที่เขาบอกว่าจะจ่ายให้เดือนละ 7 หมื่น?

จุ๋ม : "ตรงนี้พี่พลาด เราพลาดไป เพราะเขาโทรมาขอร้อง และไม่คิดว่าจะให้เขา"

เขามีเอกสารมั้ยว่า 7 หมื่นเป็นดอกเบี้ย?

จุ๋ม : "ไม่มีค่ะ แล้วมาบอกว่าเป็นเจ้าหนี้ดอกโหด ซึ่งคุณพูดใส่ร้ายพี่ค่ะ ก็ไม่เป็นธรรมค่ะ"

หนูไปด้วย เป็นคนถ่าย รู้ปัญหามาตลอดมั้ย?

เบล : "หนูแค่ทราบรายละเอียดนิดหน่อย ทราบว่าพี่ลูกตาลเดือดร้อน มาขอยืมเงินแม่หนู แล้วได้ยินบ้างว่าจ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง หลังๆ บล็อกหนี แล้วตั้งใจจะโกงค่ะ หนูคิดว่าไม่งั้นเขาต้องมาเจรจา แต่เขาหาย"

เครื่องเพชรยังอยู่กับพี่มั้ย?

จุ๋ย : "อยู่ค่ะ คุณเอาทรัพย์สินคุณคืนไป เราไม่ได้อยากได้"

พี่ยืนยันว่าพี่บริสุทธิ์ใจ เรื่องดอกเบี้ยโหดไม่จริง?

จุ๋ม : "ใช่ค่ะ แล้วคำว่าดอกเบี้ยโหดไม่จริง ที่ผ่านมาพี่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแทนเขาตลอดปี 62 ให้กับแบงก์ เงินโอดีที่เอาออกมา พี่เซ็นเช็คให้เขาปั๊บพี่ก็จ่ายดอกเบี้ยเลยนะคะ"

ทนายความ : "เรื่องมอเตอร์ไซค์ ข้อสงสัยทำไม 6 แสน แต่ขายได้ 2 แสน ต้องเอามายืนยัน และมาเจอกัน"

จุ๋ม : "เช็กได้ค่ะ เป็นเพราะสภาพรถค่ะ"

อยากบอกอะไรคุณลูกตาล?

จุ๋ม : "พี่เสียดายวันเวลาที่ได้รู้จักกันมา สนิทสนมกัน วันนี้ที่เกิดเหตุขึ้นพี่ก็เสียใจ แต่บทเรียนที่เกิดขึ้น คุณได้ทำกับพี่ ที่บอกพี่ว่าเรามีบุญคุณ หนูจะไม่มีวันลืมบุญคุณพี่เลย แต่วันนั้นคุณวิ่งเข้ามาจะตบพี่ ทำให้ลูกสาวต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พี่ไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว สน.เขาได้เช็กวิดีโอ ออกหมายเรียกเรียบร้อยแล้ว พี่จะบอกว่าเรื่องนี้เหมือนชาวนากับงูเห่า"

เขาบอกเพชรไม่อยากได้คืนแล้ว เพราะมีตำหนิ รอยร้าว?

จุ๋ม : "การซื้อทรัพย์สินพวกนี้เป็นความพึงพอใจ ก่อนซื้อคุณได้ตรวจดูแล้ว คุณใช้เพชรเซ็นเตอร์ ส่องแล้ว ตรวจสอบแล้ว มีใบเซอร์ ใบรับประกันทุกอย่าง คุณยินดีจ่ายเงินให้พี่ แต่พอวันนี้มีเรื่องทะเลาะวิวาท คุณกลับมาเคลมพี่ มาดิสเครดิตพี่ คุณพูดได้ไง หมิ่นประมาทค่ะ คุณมาเอาเพชรคืนไปค่ะ แล้วเอาเงินคืนมาเลย 1.2 ล้าน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook