นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวบริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ปทุมวัน ในกรุงเทพมหานครวันนี้ (10 ม.ค.) ว่า แม้ตนโดนแจ้งกี่ข้อหา กี่คดี ก็หยุดการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ได้ และการที่ตนโดนแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการชุมนุมที่ทางเดินลอยฟ้า (สกายวอล์ค) เหนือแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นการข้อกล่าวหาที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
"เราเชื่อว่าคดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง ที่จริงแล้ว ถ้ามองเข้าไปในคดีนี้ จะเห็นว่ามีคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็ได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาไปด้วย" นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เพราะมีใครบางคนต้องการหยุดพวกตน
"มันเป็นกลไกที่ต้องการหยุดพวกเรา พวกเขาอยากสกัดกั้นเราจากสิ่งที่เราทำอยู่ และคุณก็ทราบดีว่า พอถูกแจ้งข้อกล่าวหา เราต้องหาหลักฐานพยานเองเพื่อสู้คดี ซึ่งเพิ่มข้อจำกัดต่างๆ (ให้เรา) เพิ่มอุปสรรคในแง่ของเวลาสู้คดีและหลักฐานพยาน"
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่รายนี้กล่าวต่อไปว่า แม้ตอนนี้ต้องเผชิญกับคดีประมาณ 20 กว่าคดี ตั้งแต่ตั้งพรรคการเมืองเพียงแค่ 2 ปี แต่ก็หยุดตนและพวกไม่ได้
"เราโดนข้อหาใหม่ๆ ทุกเดือน แต่ก็จะหยุดเราไม่ได้ ผมเชื่อว่าเราแข็งแกร่งกว่านั้น ผมเชื่อว่าเจตจำนงของประชาชนที่สู้เพื่อประชาธิปไตยแข็งแกร่งกว่านั้น"
นายธนาธร กล่าวอีกว่า หากท้ายที่สุดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่เจตจำนงของประชาชนยังคงอยู่ และจะยังเห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคที่ยังเหลืออยู่นั้นทำงานและต่อสู้ต่อไปตามนโยบายของพรรค
"พวกเขาทุบพรรคให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ แต่พวกเขาทำลายการเคลื่อนไหว ทำลายหัวใจของการเคลื่อนไหวไม่ได้" นายธนาธร กล่าว
นายธนาธรให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีกว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งความกล้าหาญของประชาชนที่ทนไม่ไหวและไม่กลัวกับอำนาจเผด็จการอีก และจะเห็นประชาชนลุกขึ้นมาสู้และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของตัวเอง
ขอขอบคุณ
ภาพ :Mladen ANTONOV / AFP