ชายขี่รถไถส่งเมียรักษามะเร็ง โต้ใช้เงินบริจาคซื้อหญิงบริการ ถูกตื๊อจริงแต่ไม่เอา

ชายขี่รถไถส่งเมียรักษามะเร็ง โต้ใช้เงินบริจาคซื้อหญิงบริการ ถูกตื๊อจริงแต่ไม่เอา

ชายขี่รถไถส่งเมียรักษามะเร็ง โต้ใช้เงินบริจาคซื้อหญิงบริการ ถูกตื๊อจริงแต่ไม่เอา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้นำเรื่องราวมาโพสต์ในโลกโซเชียล ถึงชีวิตของชายคนหนึ่ง ที่ขับรถไถนาพ่วงมาจาก อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา เพื่อนำภรรยามารักษาตัวป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อน้ำเหลือง ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และได้มากางเต็นท์นอนอยู่ข้างรถไถ บริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าภรรยาที่รักษาอาการป่วย ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2562 ส่งผลให้มีผู้ใจบุญที่พบเห็นข่าว พากันโอนเงินมาให้ชายคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ก่อนที่ต่อมาจะมีดราม่า เมื่อมีคนเห็นชายคนดังกล่าว นำเงินที่ได้รับจากการบริจาคไปดื่มสุรา และพาหญิงขายบริการไปเปิดห้องนอนในโรงแรมแห่งหนึ่ง กลางเมืองโคราช โดยมีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้และนำมาแชร์ต่อในโลกโซเชี่ยล กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในขณะนี้

ล่าสุดบ่ายวันนี้ (9 ม.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับชายคนดังกล่าว ที่บริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งพบว่ามีผู้ใจบุญนำสิ่งของและเงินมาบริจาคให้อย่างต่อเนื่อง ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมพงษ์ อายุ 44 ปี ชาว ต.บึงพะไล อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา ซึ่งยังอยู่ในอาการมึนเมา นอนอยู่บนเสื่อข้างรถไถ จากการสอบถามนายสมพงษ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้ขับรถไถพาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง มารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 แล้ว เนื่องจากตนเองเป็นคนยากจน ไม่มีเงินเหมารถมา หลังจากนั้นก็ได้ใช้สิทธิ์บัตรทองเข้ารับการรักษา ซึ่งขณะนี้ต้องใช้การฉายรังสีให้ครบตามที่แพทย์กำหนดไว้ จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้

ดังนั้นตนเองจึงต้องกางเต๊นท์นอนเฝ้าภรรยาอยู่ที่บริเวณนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา ก็ได้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่ง มาพบเข้า จึงได้ถ่ายรูปตนเองและขอเลขบัญชีธนาคารไป แล้วนำไปโพสต์ลงในโลกโซเชียล ทำให้มีผู้ใจบุญแห่นำของกินของใช้มาบริจาคมากมาย รวมทั้งยังมีคนโอนเงินบริจาคเข้ามาในบัญชีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นชื่อภรรยาของตนเองอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีเงินเข้ากว่า 90,000 บาทแล้ว

ส่วนที่มีคลิปหลุดออกไปในโลกโซเชี่ยลว่าตนเองพาหญิงขายบริการไปเปิดโรงแรมนอนนั้น ตนยอมรับว่า เมื่อคืนก่อน ตนเองได้ไปเปิดโรงแรมบริเวณใกล้กับลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อนอนพักจริง ในราคาคืนละ 300 บาท เพราะตรงนี้นอนไม่ค่อยหลับ แต่ยืนยันว่าไปเปิดห้องนอนคนเดียว ไม่ได้พาหญิงขายบริการไปนอนด้วย ส่วนภาพที่เห็นหญิงคนหนึ่งอ้างว่าไปนอนกับตนมานั้น ความจริงคือเขาพยายามชวนตนไปนอนด้วย แต่ตนเองไม่เอา เพราะสงสารภรรยาที่ป่วยอยู่ ซึ่งตอนนี้บัญชีธนาคาร และบัตร ATM ก็อยู่กับภรรยาของตนเอง โดยตนเองจะขอเงินมาไว้กับตัวเพียงเล็กน้อย และยอมรับว่ามีการดื่มสุราบ้าง แต่เป็นการซื้อมาดื่มทีละกั๊กสองกั๊กเท่านั้น ไม่ได้ซื้อมาดื่มเป็นขวดๆ แต่อย่างใด ส่วนเงินทั้งหมดก็จะใช้เพื่อรักษาภรรยาของตนเองเท่านั้น

ด้าน นายพนม อายุ 33 ปี ผู้ใจบุญที่นำเงินมาบริจาครายหนึ่ง กล่าวว่า ตนเองเห็นเรื่องราวที่ถูกแชร์ลงในโลกโซเชียล ก็รู้สึกสงสารลุงมาก จึงได้นำเงินส่วนตัวใส่ซองมาบริจาคให้ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ลุง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการพาหญิงขายบริการไปเปิดโรงแรมนั้น ตนเองไม่เคยรู้ แต่ถ้าเป็นจริงก็รู้สึกเสียใจ เพราะเงินที่บริจาคไปนั้น ก็ต้องการให้นำไปช่วยเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับภรรยาของลุง ไม่อยากให้นำไปใช้อย่างอื่นเลย

ขณะที่ นายพรศักดิ์ อายุ 55 ปี ญาติของนายสมพงษ์ กล่าวว่า ปกติแล้วนายสมพงษ์ จะไม่ใช่คนที่เหลวไหล หรือชอบเที่ยวอะไร แต่เรื่องดื่มสุรานั้นก็ยอมรับว่ามีบ้าง ซึ่งตนก็พยายามเตือนๆ ไว้เป็นประจำ เพราะนายสมพงษ์มีโรคประจำตัวอยู่ คือ วัณโรคปอด หากดื่มสุราเข้าไปมากๆ ก็จะเป็นอันตรายกับสุขภาพได้ ส่วนเงินที่บริจาคนั้น ขณะนี้ทราบว่ามีเกือบ 1 แสนบาทแล้ว โดยได้นำบัญชีธนาคารและบัตร ATM ไปเก็บไว้กับภรรยาของนายสมพงษ์แล้ว

หลังจากนี้ก็จะหารือกันว่า จะบริหารจัดการเงินส่วนนี้อย่างไรบ้าง อาจจะนำเงินไปทำหลังคารถไถให้ และนำไปสร้างบ้านให้ เพราะทุกวันนี้ครอบครัวนี้ไม่มีบ้านอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เพียงแต่ทำเป็นเพิงพักอาศัยเท่านั้น ส่วนจะปิดบัญชีรับบริจาคหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะต้องหารือกับครอบครัวนายสมพงษ์ และแพทย์ของโรงพยาบาลมหาราชฯ ก่อน

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook