"ธนาธร" ชำแหละงบกลาโหม เผยมีเงินนอกงบประมาณ 19,000 ล้าน ไม่มีใครตรวจสอบได้

"ธนาธร" ชำแหละงบกลาโหม เผยมีเงินนอกงบประมาณ 19,000 ล้าน ไม่มีใครตรวจสอบได้

"ธนาธร" ชำแหละงบกลาโหม เผยมีเงินนอกงบประมาณ 19,000 ล้าน ไม่มีใครตรวจสอบได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมิท​ทาวเวอร์​ นายธนา​ธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดบรรยายพิเศษ ถึงความไม่เหมาะสมและความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณของกระทรวงกลาโหม 

นายธนาธร เริ่มต้นการบรรยายด้วยการให้ภาพรวมของงบประมาณปี 2563 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2563 ซึ่งมีทั้งสิ้น 3.2 ล้านล้านบาท โดยระบุว่า 2.7 ล้านล้านบาทมาจากภาษีของประชาชน ส่วนอีก 5 แสนล้านบาทมาจากเงินกู้ที่รัฐบาลตั้งงบขาดดุลเอาไว้ ซึ่งในงบประมาณทั้งหมดนี้เป็นงบของกระทรวงกลาโหม​ 23,3000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้เรียกว่าเงินในงบประมาณที่สามารถตรวจสอบและสั่งตัดได้

แต่มีเงินงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งที่เรียกว่าเงินนอกงบประมาณ​เป็นจำนวน 19,000 ล้านบาท เงินในส่วนนี้ไม่สามารถตรวจได้ ซึ่งไม่รู้เลยว่าเงินนอกงบประมาณมาจากไหน ใช้ไปทำอะไร ใครเป็นคนสั่งจ่าย เอาไปใช้ที่ไหนอย่างไร ถามว่าเงินจำนวนนี้มีมากขนาดไหน เงินนี้สามารถทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินงานได้ โดยไม่ต้องใช้ภาษีของประชาชน นี่คือความใหญ่ของเงิน 19,000 ล้านบาท

 

เผยกฎหมาย 3 ฉบับ เอื้อ 'กลาโหม'

นายธนาธร กล่าวว่า จากการที่กองทัพออกมาโต้ว่าเงินนอกงบประมาณจำนวนนี้ นำเอาไปในการบูรณาการเพื่อดูแลประชาชน ตนคิดว่าประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่อยู่ที่การใช้งบประมาณต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่ในวันนี้ไม่มีใครมองเห็นว่ารายรับของงบส่วนนี้มาจากไหน และรายจ่าย จ่ายไปที่ใด ขนาดอดีต ส.ส. อย่างตน ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนมองไม่เห็น ประชาชนยิ่งไม่มีทางมองเห็นและตรวจสอบได้

"เงินนอกงบประมาณของกระทรวงต่างๆ นั้นสามารถตรวจสอบได้ เว้นแต่ของกระทรวงกลาโหมเพียงกระทรวงเดียวที่เราไม่รู้ และไม่สามารถขอข้อมูลใดๆ ได้ และความพิเศษนั้นอยู่ที่กฎหมาย 3 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกันที่ให้กระทรวงกลาโหมมีความพิเศษบางอย่าง คือ

  1. พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มาตรา 61(3) อธิบายไว้ว่า เงินนอกงบประมาณทั้งหมดต้องปฏิบัติตามที่กฏหมายกำหนด ซึ่งหมายความว่าอย่างน้อยยังตรวจสอบได้ แต่ท่อนหลังได้อธิบายไว้ว่า ยกเว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น หรือได้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นอย่างอื่น
  2. ซึ่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่าย การรับเงิน การจ่ายเงิน การรักษาเงิน และการนำส่งคลัง 2562 ในข้อ 8 อธิบายไว้ว่า การเบิกจ่าย การรับเงิน การจ่ายเงิน การรักษาเงินของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้ยึดถือข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเงิน ซึ่งได้รับความตกลงจากกระทรวงการคลัง นั้นหมายความว่า ไม่มีกระทรวงไหนได้รับสิทธิพิเศษนี้นอกจากกระทรวงกลาโหม
  3. ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเงิน ปี 2555 ได้อธิบายไว้ว่า ให้แบ่งเงินนอกงบประมาณออกเป็นสองประเภท ซึ่งประเภทแรกให้ทำตามกฎหมายแบบที่กระทรวงอื่นๆทำทั้งหมด แต่เงินนอกงบประมาณประเภทที่สองอธิบายไว้ว่า สามารถตั้งระบบบัญชีเองได้และสามารถตั้งระบบตรวจสอบเองได้ นั้นหมายความว่า ระบบบัญชีของรัฐที่เป็นสากลใช้กันทั่วโลก ใช้ไม่ได้เงินนอกงบประมาณในส่วนที่สองนี้"  นายธนาธร กล่าว

 

นายธนาธร ยังได้บรรยายถึงรายได้ของนายพล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เกิดจากกระรัฐประหารปี 2557 เฉลี่ยแล้วมีรายได้ประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 12 ล้านบาทต่อปี, กรณีค่าเช่าโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (MultiPlexer-MUX) รายได้จากการประมูลช่องโทรทัศน์ต่างๆ รวมไปถึงสัญญาสัมปทานที่ไม่เคยมีผู้ใดรู้ของ บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7) ในระบบอนาล็อก ที่ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเก็บเงินได้จากสัมปทานเพียง 4,212 ล้านบาท และคลื่นวิทยุที่เป็นของกองทัพอีก 500 กว่าสถานีที่ไม่สามารถตรวจสอบรายรับรายจ่ายได้

ในช่วงท้ายนายธนาธรได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ โดยช่วยกันรณรงค์ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร ซึ่งประเด็นสำคัญคือยกเลิกเกณฑ์ทหารและหันมาใช้ระบบสมัครใจ

 

เชื่อมั่น การนำของ "ปิยะบุตร" ในสภา

นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีทำลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐสภารวมถึงกรรมาธิการ พิจารณางบประมาณประจำปี 2563 โดยระบุว่า พรรคอนาคตใหม่ ยังยืนยันและทำงานใน สภาผู้แทนราษฎรอย่างเข้มแข็งและเชื่อมั่น การนำของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ที่จะทำหน้าที่ในสภาด้วยความเข้มแข็งและสร้างสรรค์

ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ได้พิสูจน์ตัวเองและทำตามที่เคยหาเสียงไว้แม้เป็นฝ่ายค้าน โดยได้แปลงนโยบายจากที่เคยหาเสียงทั้งการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร, สวัสดิการแรงงาน และการยกเลิกคำสั่ง คสช.มาเป็นการเสนอกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ

นายธนาธร เลี่ยงที่จะกล่าวถึง การที่ผู้สนับสนุนพรรคและมวลชน อาจจะลงมาต่อสู้บนท้องถนน โดยระบุว่า ตัวเองไม่สามารถยืนยันหรือรับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้ เพราะทุกอย่างอยู่ที่อารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ซึ่งหากสิ่งที่ตัวเองทำ ประชาชนไม่เห็นด้วย ก็ไม่ร่วมกับตัวเองอยู่ดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook