เหยื่อหวัดชาวปากน้ำตายเป็นรายที่15

เหยื่อหวัดชาวปากน้ำตายเป็นรายที่15

เหยื่อหวัดชาวปากน้ำตายเป็นรายที่15
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อภิสิทธิ์ ย้ำ สธ.ปฏิบัติตามมติ ครม. 9 ก.ค. คุมเข้ม ร.ร.กวดวิชาต้องหยุดการเรียนการสอน ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ สช.ทำหนังสือถึง ร.ร.กวดวิชา-สอนภาษากว่า 2 พันแห่งต้องปิดทั้งหมด วธ.จี้ร้านเกมทำความสะอาดอุปกรณ์-เปิดประตูระบายอากาศ ชวน นำทีมส.ส.แพทย์ร่วมหารือ แพทย์ จากรพ.ต่างๆหาแนวทางแก้ปัญหาอีกแรงดันเป็นวาระแห่งชาติ

สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานตัวเลขผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตั้งแต่ 28 เม.ย.-10 ก.ค. พบว่ามียอดผู้ป่วยสะสม 3,071 ราย เสียชีวิตแล้ว 15 รายโดยรายล่าสุดเป็นหญิงวัย 63 ปี จ.สมุทรปราการ มีโรคประจำตัวลิ้นหัวใจรั่ว ความดันสูง มีอาการปอดอับเสบและเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ โดยผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 9 ก.ค. สธ.เพิ่งได้รับรายงานเมื่อเช้าวันนี้ (10ก.ค.)

"อภิสิทธิ์"ย้ำคุมเข้ม ร.ร.กวดวิชาต้องหยุดสอน

เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 10 ก.ค. ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ค.) ตนได้กำชับทางกระทรวงสาธารณสุขให้เร่งดำเนินการตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ในเรื่องการส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูเรื่องการคัดกรองเด็กในโรงเรียน การดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการหนัก จะต้องมีทีมเข้าไปช่วย นอกจากนั้นจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการเข้ารับการรักษา และการมีหลักประกัน ส่วนการป้องกันในจุดที่เป็นการแพร่ระบาดจะต้องมีการรณรงค์กันให้มากขึ้น และจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีการสั่งปิดสถานที่ต่างๆเพิ่มเติม

เมื่อถามว่าทางโรงเรียนกวดวิชาระบุว่าควรมีมาตรการให้เด็กสวมหน้ากากอนามัยแทนการสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยนั้น ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญยังมีการถกเถียงกันอยู่ และในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหากใครจะทำก็เป็นเรื่องดี รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนทุกเรื่อง แม้กระทั่งการส่งเสริมให้ใช้เจลล้างมือ ตนก็ได้สั่งการให้ รมว.สาธารณสุขไปพิจารณาว่าจะส่งเสริมอย่างไร

เมื่อถามว่าโรงเรีบยกวดวิชาบางแห่งยังไม่ปิดการเรียนการสอน จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากจะขอความร่วมมือ ถ้าไม่ปิดก็ต้องดูแลเรื่องความสะอาด และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง และต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติ เราต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นการแพร่ระบาดก็จะทำได้ง่าย แต่ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายไปเรื่อยๆแล้วในที่สุดต้องไปปิดโรงเรียนกันก็จะมีความเสียหายมากกว่า ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ทำเป็นระเบียบวาระแห่งชาติ ทุกคนก็ต้องช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการระบุด้วยว่าอาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึง 1-2 แสนคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นการคาดคะเนของผู้เชี่ยวชาญ เพราะต่างประเทศก็ยอมรับอย่างนี้ ขณะนี้ตัวเลขที่จะเทียบเคียงได้ชัดเจนที่สุด คือ ประเทศอังกฤษ เพราะมีประชากรใกล้เคียงกับไทย จำนวนผู้ติดเชื้อที่ทดสอบได้อาจจะมากกว่าไทยเล็กน้อย ผู้เสียชีวิตใกล้เคียงกับไทย เขาก็เลยมีการคาดคะเนว่าน่าจะมีการติดเชื้อเป็นแสนคนแล้ว

เมื่อถามว่าในส่วนของไทยจะเหมือนกับอังกฤษที่ประกาศยอมแพ้กับโรคนี้และปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เกือบทุกประเทศก็บอกว่ามันเป็นเหมือนโรคระบาดปกติ แต่เรายังเป็นห่วงในเรื่องที่มีคนเสียชีวิต ดังนั้นจึงต้องเข้มงวดกวดขันกันตรงนี้

จี้ร.ร.กวดวิชา-สวอนภาษากว่า2พันแห่งปิด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวถึงดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่สั่งปิดร.ร.กวดวิชา เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า วันนี้ (10 ก.ค. ) สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จะมีหนังสือสั่งการไปถึง ร.ร.กวดวิชา และ ร.ร.สอนภาษาในกทม. พร้อมทำหนังสือไปถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศให้ประสานไปยังโรงเรียนกวดวิชา 1,232 แห่ง โรงเรียนสอนภาษา 1,078 แห่ง รวมทั้งหมด 2,010 แห่ง ให้ปิดการเรียนการสอน ตั้งแต่วันที่ 13-28 ก.ค. นี้ ขณะเดียวกันจะขอความร่วมมือให้โรงเรียนกวดวิชาและโรงเรียนสอนภาษาปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. เช่น ทำความสะอาดห้องเรียน ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ จัดบริการหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เป็นต้น ทั้งนี้

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า อย่างไรตาม การจัดสอบความถนัดทั่วไป (General Aptitude Test ) GAT และความถนัดเฉพาะด้าน/วิชาการ (Professional A Aptitude Test ) PAT ตามกำหนดเดิมในวันที่ 11-12 ก.ค. และ 18-19 ก.ค. นี้ ไม่เลื่อนกำหนดหรือเปลี่ยนสถานที่แต่อย่างใด แต่จะผ่อนผันให้ผู้เข้าสอบที่ป่วยและมีใบรับรองแพทย์ว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขาดสอบได้แล้วสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) จะเปิดสอบรอบพิเศษให้ภายหลังอีกครั้ง ดังนั้นผู้เข้าสอบที่ป่วยไม่ต้องกังวล ขอให้ดูแลสุขภาพและไปพบแพทย์ตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง อย่างไรก็ตามการจัดสอบรอบพิเศษจะจัดให้สอบเฉพาะผู้เข้าสอบที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เท่านั้น ส่วนผู้เข้าสอบที่ป่วยเป็นโรคอื่นๆ สทศ.จะถือเกณฑ์เดิม คือ จะคืนเงินให้กับผู้เข้าสอบและให้สอบรอบต่อไป เพราะจัดสอบGAT และPAT นั้น จัดปีละ 3 รอบ

วธ.เอาจริงจี้ร้านเกมทำความสะอาด

นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) พร้อมด้วยวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ออกตรวจเยี่ยมร้านเกม ในย่านตลาดกลางเมืองกำแพงเพชร โดยได้มีการแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ รวมทั้ง ติดป้ายประกาศข้อแนะนำ 3 ข้อในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

นายธีระ กล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้วธ.เฝ้าระวังการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่2009 ในร้านเกม ร้านคาราโอเกะ ให้เข้มข้นขึ้นนั้น ตนจึงได้มาตรวจเยี่ยมร้านเกมในเขตเมืองกำแพงเพชร เพื่อนำร่องให้ร้านเกม ตื่นตัวในการร่วมมือกับรัฐบาล ในการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่อาจจะมีการแพร่เชื้อในกลุ่มเด็กและเยาวชนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ จากการตรวจเยี่ยม พบว่า ร้านเกมในพื้นที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการทำความสะอาดพื้น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งเปิดประตูระบายอากาศ ห้ามเด็กที่ไม่สบายเข้าใช้บริการ ซึ่งตนเห็นว่า การป้องกันดังกล่าวเดินมาถูกทางที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดได้ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วและน่าเป็นห่วงมาก

"ถือเป็นวันแรกที่มีการให้ร้านเกม ร้านคาราโอเกะ ติดประกาศเตือนห้ามผู้ป่วยที่เป็นหวัดมาใช้บริการรวมถึงแนวทางการเฝ้าระวังการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปสู่แนวทางปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งในจังหวัดกำแพงเพชรมีร้านเกม ร้านคาราโอเกะ มากถึง 443 แห่ง จึงต้องเร่งเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 กรกฎาคม ผมได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติ ลงพื้นที่ของความร่วมมือ โรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ด้วย"รมว.วัฒนธรรม กล่าว

"ชวน"นำทีมส.ส.หารือแพทย์หาทางกันหวัด

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการควบคุมแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า การรายงานการแพร่กระจายของโรคในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่ตัวเลขดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต ยังคงมีเพิ่มบ้างต่อเนื่อง การรายงานและเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวมาจากแนวทางของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบทันที และไม่ปิดบัง ซึ่งทั้งนี้ยอมรับว่าแนวทางดังกล่าว อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก ทั้งจากการเสนอข่าวหรือ การขาดความเข้าใจของประชาชนถึงลักษณะการแพร่ของโรค แต่สาเหตุหลักที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากรายงานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีผลทำให้มาตรการป้องกันแก้ไข สามารถเจาะจงคุมกลุ่มเสี่ยงที่ตรงเป้าได้ โดยทางองค์การสาธารณสุขระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลก ( WHO ) ภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก ได้ออกมารับรองและยืนยันแนวทางและมาตรฐานดังกล่าว โดยมีการประเมินว่า หากไม่มีการดำเนินการโดยวิธีนี้ตั้งแต่ต้น จะมียอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นตัวบ่งชี้ทิศทางแนวโน้มของการแพร่ระบาดของไข้หวัดนั้น ไม่สามารถดูแค่เพียงยอดผู้ป่วย รวมเท่านั้น แต่จะต้องดูประกอบกับผู้ป่วยหนัก และ ผู้เสียชีวิต ซึ่งในขณะนี้สัดส่วนผู้เสียชีวิต อยู่ 14 รายต่อ ผู้ติดเชื้อ 2,900 ราย ซึ่งการจัดความรุนแรง 5 ขั้น ปัจจุบันไทยยังอยู่ระดับที่ 2 แม้ว่าจะเคลื่อนไปสู่ระดับที่ 3 คือ อัตราการเสียชีวิต 0.5-1 % ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดสถานที่ที่มีการชุมนุมของประชาชน แต่อย่างไร เพราะจะต้องไปสู่ระดับที่ 4-5 เสียก่อน คือ มียอดผู้เสียชีวิต 1.5 % ขึ้นไป

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า แนวทางขณะนี้ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่และพรรคเห็นว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง มี 2 เรื่อง คือ 1. การพุ่งเป้าไปที่การเตรียมความพร้อมการรักษาโดยการจัดเตรียมยาต้านไวรัสภายในประเทศให้เพียงพอจากสต็อกเดิม 2 ล้านเม็ด ที่องค์การอาหารและยา(อย.)และ 3 ล้านเม็ดที่กรมควบคุมโรคนั้น มีการผลักดันให้เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าหรือ 10 ล้านเม็ด รวมเป็น 15 ล้านเม็ด ซึ่งจะทำให้ประชาชนกลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสามารถรับยาได้ทันทีหากพบว่ามีการติดเชื้อ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อแต่อย่างไร ซึ่งเป็นวิธีที่ประเทศอื่นใช้กันทั้ง อังกฤษและ สหรัฐอเมริกา

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 2. แนวทางการเตรียมความพร้อมในการหารือ ในเวทีระหว่างประเทศ เพราะประเด็นปัญหาเรื่องการเตรียมการรักษายังมีความจำเป็นอยู่โดยเฉพาะประเทศไทย ที่จำเป็นต้องนำสารตั้งต้นเข้ามาผลิต ซึ่งขณะนี้ได้นำเข้าสารตั้งต้นมาจากอินเดียเป็นหลัก ซึ่งจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้พูดคุยกับทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อจะร่วมมือกับกลุ่มประเทศเอเชีย ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การหารือในกรอบความร่วมมือว่าด้วยความมั่นคงหรือ เออาร์เอฟ ในการประชุมวันที่ 16 ก.ค. นี้ จึงเชื่อว่า การเตรียมความพร้อมนี้จะทำให้มาตรการการป้องกันและการแพร่ระบาดและการรักษาในภูมิภาคเอเซียสามารถทำได้อย่างเป็นระบบ

"เรื่องนี้ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา เราไม่อยากเห็นเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง และไม่อยากให้เอาชีวิตคนตายมาเป็นสิ่งที่ใช้โจมตีกันในทางการเมือง " แหล่งข่าวกล่าว

รายงานข่าวแจ้งจากปชป.แจ้งว่า เบื้องต้นส.ส.ของพรรคหลายคนเห็นตรงกันว่า เรื่องดังกล่าวควรจะทำเป็นวาระแห่งชาติ โดยพรรคเห็นว่าการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ควรจะพลิกจากรับมาเป็นรุกได้แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขก็ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ทำได้เพียงรับมืออย่างเดียว โดยส.ส.ของพรรคจะกลับไปรับฟังความเห็นของประชาชน ก่อนนำมาเสนอในที่ประชุมวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ โดยการประชุมดังกล่าวจะเป็นลักษณะระดมความเห็นของคนทั้งชาติ แต่คงยังไม่เชิญตัวแทนของฝ่ายค้านมาร่วมหารือด้วย เพราะต้องการคุยกันในพรรคให้ได้บทสรุปเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 11 ก.ค. นี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เชิญแพทย์และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องการแก้ไขปัญหา ไข้หวัด 2009 ณ ที่ทำการพรรคโดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.ของพรรค ที่เป็นแพทย์ร่วมหารือด้วย

ชาวพิษณุโลกตื่นหวัดแห่ตรวจแน่นรพ.พุทธชินราช

เมื่อเวลา 10.00 น. บรรยากาศที่บริเวณด้านหน้าอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก นายแพทย์ศิวฤทธิ์ รัศมีจันทร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ได้ตั้งโต๊ะตรวจผู้ป่วยที่มีอาการเป็นไข้หวัด ตัวร้อน ไอ จาม หลังจากมีประชาชนตื่นตระหนกและหวาดกลัวต่ออาการป่วยเป็นไข้หวัด 2009 จึงเดินทางมาตรวจรักษาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้โรงพยาบาลแน่นขนัดด้วยจำนวนคนไข้

ทั้งนี้ ผลการตรวจส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดธรรมดา แพทย์จัดยาให้กลับไปกินที่บ้าน ขณะผู้ที่มีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน และเข้าข่ายต้องสงสัย แพทย์ได้แยกไปตรวจที่ห้องตรวจพิเศษบริเวณหน้าทางเข้าอาคารผู้ป่วยนอก เพื่อตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด และให้ยารักษาอาการได้ทันท่วงที

ในจำนวนนี้มีผู้ป่วย 2 รายเข้าข่ายสงสัยป่วยเป็นไข้หวัด 2009 คือ นายแดง สุภสาร อายุ 42 ปี มีอาการป่วยหลังจากเดินทางไปท่องเที่ยวที่บึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี ได้เพียง 2 วันโดยมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน หนาวสั่น ไอจามเจ็บคอ ปวดกระดูกและปวดเมื่อยเนื้อตัว ส่วนอีกราย คือ นายสุรเชรฐ สร้อยทิพย์ อายุ 25 ปี ชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีอาการป่วยเป็น ไข้หวัดอย่างรุนแรงหลังไปงานบวชพระเพื่อน ที่ ต.บึงพระ องเมือง จ.พิษณุโลก โดยญาติทั้งสองรายกล่าวว่า รู้สึกหวาดกลัวว่าจะป่วยเป็นไข้หวัด 2009 จึงต้องรีบนำมารักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook