แม่วิงวอนตรวจสอบเรือประมง ทำลูกชายหายสาบสูญ-ไม่รู้ชะตากรรม

แม่วิงวอนตรวจสอบเรือประมง ทำลูกชายหายสาบสูญ-ไม่รู้ชะตากรรม

แม่วิงวอนตรวจสอบเรือประมง ทำลูกชายหายสาบสูญ-ไม่รู้ชะตากรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรือประมงทำลูกชายสูญหายไป เชื่อลูกน่าจะเสียชีวิตแล้ว แต่หวังทวงความยุติธรรมให้ลูก เพราะมีหลายอย่างไม่ชอบมาพากล

จากกรณีที่ นางคำใส อาย 56 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เข้า ได้ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกระจกเงา ให้ช่วยเหลือติดตามหาลูกชาย นายภานุพงษ์ คงเจริญ อายุ 32 ปี ที่หายตัวไป ขณะเป็นแรงงานในเรือประมง ในเขตน่าน้ำมาเลเซีย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านของนางคำใส พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มุงสังกะสี ที่นอนที่กินข้าวอยู่ในห้องเดียวกัน โดยพบกับ นางคำใส ซึ่งได้นำกระเป๋าเสื้อผ้าของนายภานุพงษ์ มาให้ผู้สื่อข่าวดูภายในมีเพียงผ้าขนหนูที่ขาดเหลือเพียงครึ่งผืน เสื้อ 2 ตัว ผ้าห่ม 1 ผืน และสร้อยกัลปังหาที่ยังร้อยไม่เสร็จ กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ ข้างในกระเป๋ามีเพียงบัตรประชาชนของพ่อกับแม่ เท่านั้น

นางคำใส กล่าวว่า ครอบครัวมีลูกชาย 3 คน ส่วนสามีนั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ทั้งนี้ลูกชายแต่ละคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวหมด นายภานุพงษ์ เป็น ลูกชายคนโต โดยเมื่อตอนอายุ 20-23 ปี เคยไปทำงานในเรือประมง ซึ่งไปถูกต้องตามกฎหมาย และกลับมาอยู่บ้าน แต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู

จนกระทั่งเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายสัญชัย และนายอาทิตย์ ซึ่งเป็นเครือญาติกัน ได้มาชักชวนให้นายภาณุพงษ์ ไปทำงานในเรือประมง โดยจะได้อัตราเงินเดือน 40,000 บาท โดยที่ไต้ก๋งเรือจะเดินทางมารับตัวและพาไปทำหนังสือเดินทาง

“เมื่อถึงวันนัดหมายไต๋กงเรือก็เดินทางมาที่ขอนแก่นจริงและพาไปทำหนังสือเดินทางที่สำนักงานหนังสือเดินทางขอนแก่น เมื่อทำเอกสารครบเรียบร้อยไต๋กงก็เดินทางไปที่บ้าน จึงมีการพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ โดยไต้ก๋งเรือบอกว่า เรือถูกกฏหมายและมีประกันภัยให้แรงงานทุกคน

ส่วนการทำสัญญานั้นให้แรงงานไปทำที่บริษัทในจังหวัดสมุทรสาคร จากนั้นไม่กี่วันลูกชายพร้อมเพื่อน 2 คนจึงขึ้นรถเดินทางไปลงเรือที่จังหวัดสมุทรสาคร ประมาณ 10 กว่าวันลูกชายโทรศัพท์แจ้งให้ทราบว่า ได้ทำงานแล้ว และกำลังอยู่ในน่านน้ำของประเทศมาเลเซีย พร้อมทั้งบอกว่าได้เบิกเงินล่วงหน้าให้บริษัทโอนเงินให้แม่จำนวน 24,900 บาท ให้แม่แบ่งให้ลูกกับเมียที่หนองบัวลำภู 2,000 บาท ส่วนที่เหลือให้แม่เก็บเงินสร้างบ้าน”

นางคำใส ยังบอกต่ออีกว่า ตลอดเวลาที่ลูกทำงานในเรือประมง ถึงช่วงเวลาพักและเรือลอยลำขึ้นฝั่งลูกชายจะโทรศัพท์มาเล่าความเป็นอยู่ให้ฟังตลอด รวมถึงบอกว่า ไม่ค่อยสบายใจเนื่องจากว่า เรือลำแรกที่รับทำงานนั้นเหมือนเป็นเรือที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อลงเรือ ออกสู่ท้องทะเลแล้ว ไต้ก๋งจะส่งแรงงานต่อให้เรือลำอื่นๆ เป็นทอดๆ
ส่วนเงินที่ว่าจะให้เดือนละ 40,000 บาท ก็ได้เพียงเดือน 12,000 บาทเท่านั้น แต่จะอดทนเอา เพื่อเก็บเงินสร้างบ้านให้แม่ ซึ่งคนเป็นแม่เมื่อได้ฟังแล้วก็ได้แต่ปลอบใจลูก แต่เมื่อลูกบอกว่าไม่มีปัญหาและยังจะทำงานต่อก็เลยปล่อยให้ทำงานต่อไป อีกทั้งยังคงมีญาติอีกสองคนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

วันที่ 24 กรกฎาคม นายสัญชัย ได้โทรศัพท์มาหาพร้อมกับบอกว่า ลูกชายหายไปตั้งแต่วันที่ 10 และยังหาไม่เจอ ด้วยความตกใจ จึงได้ขอเบอร์โทรไต้ก๋ง และเบอร์โทรเจ้าของบริษัท ที่ดูแลเรือประมงลำที่รับลูกชายทำงาน จากนั้นจึงได้โทรกลับไปพูดคุยกับไต้ก๋ง แต่ติดต่อไม่ได้ จึงโทรหาเจ้าของบริษัทเรือประมง ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบเรื่องและไต้ก๋งไม่ได้รายงานให้ทราบ จากนั้นเป็นต้นมาก็ติดต่อใครไม่ได้อีกเลย

จนกระทั่ง นายอาทิตย์ น้องชายของนายสัญชัยกลับมาบ้าน พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของลูกชาย ซึ่งจากการสอบถามนายอาทิตย์ทราบเพียงว่า ช่วงที่เรือจอดลอยลำไม่ได้ออกหาปลา ทุกคนนอนพักอยู่ในเรือ ส่วนลูกชายลุกมาเข้าห้องน้ำในช่วงเวลาตี 1 ของวันที่ 10 แล้วก็หายตัวไป ซึ่งไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ลูกเรือได้บอกแจ้งไต้ก๋ง แต่ไต้ก๋งบอกว่าคนหายก็หายไป แต่ทุกคนที่เหลืออยู่ต้องทำงาน

จากนั้นก็นำเรือออกหาปลาโดยไม่ใส่ใจตามหาลูกชายที่หายไป เมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องราวจากญาติ จึงเข้าแจ้งคามกับพนักงานสอบสวน สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งไต้ก๋ง ลูกเรือ และเจ้าของบริษัท เพราะคิดว่าอาจจะมีความไม่ชอบมาพากล และมีความผิดปกติซ่อนเร้นอยู่

จากนั้นครอบครัวจึงขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกระจกเงา เพื่อให้ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นให้ โดยส่วนตัวแม่คิดว่าลูกชายตายแล้ว จึงสวดมนต์ให้ลูกทุกคืน ในขณะเดียวกันไต้ก๋งเรือได้โทรศัพท์มาหาและแสดงความรับผิดชอบว่าจะจ่ายค่าเยียวยาให้แม่ 150,000 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook