พ่อหัวใจแทบวาย เพื่อนบ้านยิงปืนไล่แมวทะลุรถ กระสุนหวิดเจาะหัวลูกชาย 7 ขวบ

พ่อหัวใจแทบวาย เพื่อนบ้านยิงปืนไล่แมวทะลุรถ กระสุนหวิดเจาะหัวลูกชาย 7 ขวบ

พ่อหัวใจแทบวาย เพื่อนบ้านยิงปืนไล่แมวทะลุรถ กระสุนหวิดเจาะหัวลูกชาย 7 ขวบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(12 ต.ค.62) นายภุชงค์ โพธิ์ทอง อายุ 23 ปี ชาวบ้านพื้นที่หมู่ 7 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ ทิพยโสตถิ ร้อยเวร สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดี ถูกเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ใช้อาวุธปืนยิงจนรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ผค 1198 นครสวรรค์  ได้รับความเสียหาย กระจกด้านหลังรถแตก และมีรูจากการถูกคมกระสุนปืน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกำลังขับรถพาบุตรชายวัย อายุ 7 ขวบ และภรรยาเดินทางกลับบ้านพัก

จากการสอบถาม นายภุชงค์ ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ขณะกำลังขับรถมาตามเส้นทางเขือนริมแม่น้ำปิง เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก โดยมีภรรยา ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน นั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ และบุตรชายวัย 7 ขวบ นั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายปืนขึ้น 1 ครั้ง ตนจึงขับรถเลยตรงจุดที่ได้ยินเสียงปืน ออกห่างมาประมาณ 200 เมตร แล้วตัดสินใจลงไปตรวจดูรถ ก็ต้องตกใจ เมื่อพบเห็นว่าที่กระจกด้านหลังรถมีรอยรูกระสุนปืน ซึ่งอยู่ห่างจากศีรษะของบุตรชายตนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถเพียงไม่ถึงคืบเท่านั้น และเคราะห์ดีที่บุตรชายตน รวมถึงภรรยาไม่ถูกคมกระสุนปืนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ ตนได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้เข้าตรวจสอบเพื่อหาผู้ก่อเหตุ แล้วผลปรากฏว่า ผู้ลงมือใช้อาวุธปืนยิงเป็นชาย อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งมีบ้านอยู่ห่างกับบ้านตนไปประมาณ 400 เมตรเท่านั้น แต่ไม่เคยสนิทสนมและพูดคุยกันมาก่อน โดยชายผู้นั้นให้การกับเจ้าหน้าที่อ้างว่า ได้ใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงไล่แมวที่มาก่อกวน และไม่คาดคิดว่า กระสุนจะพุ่งมาโดนที่รถตน

ซึ่งตนก็ได้สอบถามกลับไปว่า มันเป็นสถานที่ที่ควรมาใช้อาวุธปืนยิงได้ตามอำเภอใจหรือไม่ เนื่องจากเป็นจุดย่านชุมชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก หากสิ่งที่อ้างว่ายิงเพื่อไล่แมวครั้งนี้ ทำให้คมกระสุนพุ่งมาโดนบุตรชายของตนจนได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายต่อชีวิต จะรับผิดชอบอย่างไร แต่ชายคนนั้นกลับไม่พูด แถมไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด ตนจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งหลังจากเกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ตำรวจทำได้เพียงแค่ยึดอาวุธปืนแก๊ปยาวจากผู้ที่ก่อเหตุมาตรวจสอบเพียงเท่านั้น และยังไม่ได้มีการเรียกตัวคู่กรณีมาสอบสวนแต่อย่างใด จึงอยากให้ตำรวจโปรดให้ความเป็นธรรม และดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว

ด้าน ร.ต.อ ชัยวัฒน์  ทิพยโสตถิ พนักงาน สภ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการออกหมายเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำในวันนี้แล้ว และได้มีการเชิญผู้เสียหายมาเจรจาด้วย แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลา 10.30 น. ซึ่งเป็นเวลานัดหมาย คู่กรณีกลับไม่เดินทางมาพบแต่อย่างใด จึงจะมีการออกหมายเรียกคู่กรณีอีกครั้ง หากครั้งต่อไปไม่มา จะมีการออกหมายจับทันที ซึ่งข้อหาที่เตรียมแจ้งไว้ ต้องดูว่าจะเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่นั้น จะต้องรอการสืบสวนสอบสวนคู่กรณีอย่างละเอียดก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook