"บิ๊กแดง" ลั่นห้ามแตะรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ซัดพวกจาบจ้วงสถาบัน อย่าชักศึกเข้าบ้าน

"บิ๊กแดง" ลั่นห้ามแตะรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ซัดพวกจาบจ้วงสถาบัน อย่าชักศึกเข้าบ้าน

"บิ๊กแดง" ลั่นห้ามแตะรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ซัดพวกจาบจ้วงสถาบัน อย่าชักศึกเข้าบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบ.ทบ. ลั่น แก้รัฐธรรมนูญ มาตราไหนก็ได้ แต่ห้ามแตะมาตรา 1 ซัดพวกจาบจ้วงสถาบัน อย่าทำร้ายประเทศ ชักศึกเข้าบ้าน ฉะคนหนีคุก

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก บรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” กล่าวถึง มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว “จะแบ่งแยกมิได้” จึงขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้

แต่มาตรานี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษที่เสียเลือดเพื่อรักษาขวานทองนี้ไว้ โดยเชื่อว่าแม้ตนจะตายไปแล้ว จะมีทหารรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนบอกแบ่งแยกดินแดนได้ จะแก้มาตราไหนก็แก้ แต่ถ้าแก้มาตราที่1จะกระทบกับมาตราอื่นที่กระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นความชาญฉลาดของนักวิชาการที่ไม่ยอมบอกตรงๆ ว่าต้องการแก้ไขเรื่องอะไร

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก ได้เล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มที่ พ.ศ. 2545 ที่รัฐบาลในยุคนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศ ยุบ ศอ.บต. และประกาศว่าไม่มีโจรผู้ก่อการร้ายอีกต่อไป มีแต่โจรกระจอก ทำให้เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยยุทธการโปรยดอกไม้ โดยเหตุการณ์ภาคใต้นั้น ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เป็นเหมือนไฟส่องทาง สำหรับผู้ปฎิบัติพื้นที่ในชายแดนจังหวัดภาคใต้ คือคำว่า”เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้บรรยายถึงสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน ที่มีความขัดแย้งอยู่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการปลุกปั่นของคนในชาติ โดยในช่วงนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เปิดภาพวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศให้ผู้เข้ารับฟังการบรรยายได้รับชม

พร้อมกับเปิดภาพของนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นภาพที่ได้ถ่ายคู่กับนักการเมืองของไทย โดย ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า นายหว่องได้เดินทางมาประเทศไทยหลายครั้ง เพื่อมาพบกับบุคคลบางคน พร้อมตั้งคำถามว่า การเดินทางมาพบพูดคุยกันนั้น มีการสมคบคิดวางแผนอะไรอยู่หรือไม่

ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวว่าอยากให้คิดให้ดีว่าทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ เกิดวิกฤติ หัวหน้าพรรคการเมือง พรรคการเมือง หนีคดีหมด ทิ้งลูกน้องติดคุก ขึ้นศาล คนที่ร่วมชุมนุมกลับไปจนเหมือนเดิม

พร้อมกันนี้ ในช่วงท้าย ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ไม่ต้องเชื่อตนเองก็ได้ แต่ขอถามว่า ปัญหาเรื่องความมั่นคง จะให้ใครแก้ นักวิชาการหรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศล่าอาณานิคม ชอบอ้างเลข 2475

และชอบอ้างว่าตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทะกรรมจาบจ้วง หรือท่านจะเลือกให้กลุ่มนักการเมืองที่เลือกพวกพ้อง ไม่ห่วงผลประโยชน์ของชาติ และยังมีนักการเมืองในภาคใต้ที่เกาะแข่งเกาะขาพ่อผมในสมัยก่อน

หรือจะเชื่อนักการเมืองที่เป็นเหมือนผึ้งแตกรัง ที่ลูกพี่ใหญ่หนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ หรือเชื่อคนที่ร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน ดังนั้น คนทั้ง 3 คนกลุ่มนี้ ที่ตนได้เอ่ยมานั้น ไม่ผิดที่จะมาเป็นผู้นำประเทศนี้ เพราะในอดีตก็เคยมี

แต่ขอให้ไม่คิดล้มล้างสถาบัน ไม่ทำร้ายประเทศ และไม่คิดแบ่งแยกดินแดน พร้อมยืนยันเพื่อนทหารตำรวจ จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และขอให้นิสิตนักศึกษาจำเอาไว้ว่า ทหาร ตำรวจก็คือลูกหลานของท่าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook