ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 10 ปี "ลุงวิศวะ" ยิงวัยรุ่นตาย อ้างเหตุผล "ป้องกันตัว" ฟังไม่ขึ้น

ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 10 ปี "ลุงวิศวะ" ยิงวัยรุ่นตาย อ้างเหตุผล "ป้องกันตัว" ฟังไม่ขึ้น

ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 10 ปี "ลุงวิศวะ" ยิงวัยรุ่นตาย อ้างเหตุผล "ป้องกันตัว" ฟังไม่ขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลจังหวัดชลบุรี อ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดีลุงวิศวะ ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 10 ปี  ให้ความเห็นจำเลยสมัครใจเข้าไปทะเลาะวิวาท โดยเจ้าตัวยื่นประกันตัวสู้ต่อชั้นฎีกา จากที่สุขภาพไม่ค่อยดี

จากกรณี นายสุเทพ อายุ 50 ปี อาชีพวิศวกร หรือที่สังคมเรียกว่า ลุงวิศวะ ถูกกลุ่มวัยรุ่นกรูเข้าล้อมรถเก๋งและพยายามจะเข้าทำร้ายจึงใช้ปืนยิงสวนถูก นายนวพล หรือ ปอน อายุ 17 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าที่ตั้งครกใหญ่ สามแยกถนนอ่างศิลา ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 19.00 น. โดยอัยการสั่งฟ้องนายสุเทพในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทางศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษา ในวันที่ 27 กันยายน 2561 จำคุก 15 ปี และได้มีการลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 10 ปี ปรับคดีอาวุธปืน 2 ,00บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง

>> คลิปเต็ม 12 นาที บันทึกเหตุตั้งแต่รถตู้จอดขวางวิศวะ ก่อนยิงวัยรุ่นเสียชีวิต

โดยเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 62  นายสุเทพ ซึ่งปัจจุบัน อายุ 52 ปี ในฐานะจำเลยในคดีฆ่าผู้อื่นได้เดินทางมาพร้อมภรรยา เพื่อฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดชลบุรีในชั้นอุทธรณ์ เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลจังหวัดชลบุรี ผู้พิพากษาศาลจังหวัดชลบุรี ออกนั่งพิจารณา เพื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 

ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์ตู้มาจอดที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกของจำเลย แล้วมีการโต้เถียงกันนั้นยังไม่ปรากฏว่ามีถ้อยคำพูดที่ไม่สุภาพจากฝ่ายใด แต่หลังจากที่จำเลยกระพริบไฟใส่รถตู้และบีบแตรหลายครั้ง จำเลยเริ่มใช้คำพูดไม่สุภาพในลักษณะยั่วโทสะของผู้ตาย  โดยขณะนั้นจำเลยมีอาวุธปืนของกลางอยู่ใกล้ตัว แสดงว่าจำเลยและภริยามีโทสะและพร้อมที่จะมีเหตุวิวาทกับพวกของผู้ตาย ที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าเหตุการณ์ในขณะนั้น มีปากเสียงกันเพียงเล็กน้อยและจบลงแล้วจึงฟังไม่ขึ้น

เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์ตู้และรถยนต์เก๋งออกไปแล้ว หากจำเลยมีสติ รู้จักยับยั้งชั่งใจอารมณ์ร้อนบ้างโดยจอดรถรอสักพักหนึ่งก่อน เพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไปเหตุทะเลาะวิวาทในคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่จำเลยกลับขับรถตามไปในทันที ขับแซงรถยนต์ตู้บีบแตรยาวใส่แสดงให้เห็นว่าจงใจเจตนายั่วโทสะพวกของผู้ตาย มิใช่การบีบแตรเตือน ดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ จำเลยขับไปอยู่ด้านหน้าเมื่อพวกของผู้ตายซึ่งขับตามรถจำเลยมาบีบแตรยาวและเปิดไฟสูงใส่รถจำเลยอันเป็นการส่งสัญญาณความไม่พอใจและท้าทาย จำเลยก็ชะลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุดรถเพื่อให้พวกผู้ตาย ขับชนท้ายและบีบแตรรถในลักษณะส่งสัญญาณโต้ตอบกลับไป อันเป็นการรับคำท้าทายของฝ่ายผู้ตายกับพวกทั้งมีเจตนายั่วโทสะฝ่ายผู้ตายให้เพิ่มมากขึ้นและไม่กรงกลัวจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน

เหตุที่จำเลยมีพฤติการณ์เช่นนี้ก็เนื่องจากจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แสดงให้เห็นถึงนิสัยและพฤติกรรมของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุจำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันในลักษณะปาดหน้าและขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายและพวกมาตลอดเส้นทาง จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุจำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคนก็เริ่มเกิดความกลัว แต่ยังคงพูดกับผู้ตายและพวกด้วยน้ำเสียงดุดันในลักษณะไว้ท่าทีว่าจะเอาเรื่อง มิใช่คำพูดในทำนองขอโทษการกระทำของตน หรือแสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีเรื่องหรือให้เลิกแล้วกันไป แม้ฝ่ายผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาไม่ขาดตอน นับระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบเพียง 5 นาทีเศษ ตามพฤติการณ์เป็นกรณีจำเลยเป็นผู้เริ่มต้นก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท และเมื่อจำเลยยั่วโทสะท้าทายจนฝ่ายผู้ตายโต้ตอบและสมัครใจร่วมวิวาทกับจำเลยแล้ว จำเลยจึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าฝ่ายผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุและเมื่อเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น จำเลยจึงจำต้องชักปืนออกมายิงเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยและคนในครอบครัวอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

หลังจากนั้น นายสุเทพ จึงได้ให้ทนายความยื่นขอประกันตัว เพื่อขอสู้คดีในชั้นฎีกา ด้วยเงินสด จำนวน 874,000 บาท พร้อมกล่าวว่า ยอมรับในคำตัดสินของศาล แต่ต้องการสู้เพื่อให้ความจริงปรากฎ อีกทั้งตนยังมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพ เป็นโรคเบาหวาน และอีกหลายโรค

ด้านนางสาวมณีพร มารดาของนายนวพล ผู้ตาย เผยว่า รู้สึกในความพอใจต่อคำตัดสินของศาล ให้เห็นถึงความยุติธรรมมีจริง ซึ่งรู้สึกเหนื่อยมากกับการเดินทางมาศาล ในระยะ 2 ปี โดยที่หลังเกิดเรื่อง ทางฝ่ายจำเลยก็ยังไม่มีการพูดคุยกันเลยรวมถึงไม่มีการจ่ายสินไหมทดแทนอีกด้วย

>> “ทนายเกิดผล” เห็นต่างสั่งจำคุก 10 ปี “ลุงวิศวะ” ชี้เป็นเหตุป้องกันตัว

 >> เพื่อนแก๊งโจ๋จี้ลงโทษ “ลุงวิศวะ” ให้หนัก บอกติดคุกแค่ 10 ปียังน้อยไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook