สั่งร.ร.กวดวิชางดสอน3วัน ติดเชื้อทะลุ2พัน เตือนห้ามกินแอสไพริน

สั่งร.ร.กวดวิชางดสอน3วัน ติดเชื้อทะลุ2พัน เตือนห้ามกินแอสไพริน

สั่งร.ร.กวดวิชางดสอน3วัน ติดเชื้อทะลุ2พัน เตือนห้ามกินแอสไพริน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศธ.สั่งร.ร.กวดวิชางดสอนนักเรียน 3 วัน ช่วงหยุดยาว อย่าให้ลูกไปร้านเกม ป้องกันแพร่ระบาดเพิ่ม หลังยอดติดเชื้อ"หวัด 2009" ทะลุ 2 พันคน ตรวจพบวันเดียว 231 ราย หายปกติแล้ว 2,036 ราย ยังรักษาใน รพ.33 คน สธ.เตือนผู้ป่วยห้ามกินยาแอสไพริน อาจทำตับวาย เสี่ยงเสียชีวิตง่าย แนะวิธีเช็ดตัวลดไข้สูง

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา หัวหน้าผู้ตรวจราชการ สธ. ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี โรงพยาบาลตราด โรงพยาบาลระยองและโรงพยาบาลชลบุรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เพื่อติดตามมาตรฐานการดำเนินงานดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วย รวมทั้งการป้องกันควบคุมการแพร่เชื้อ

นายวิทยา กล่าวว่า การพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สธ.วางแนวรักษาไว้ 2 ส่วน โดยกลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งจะพบเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ รายที่ไข้ไม่สูง ไม่มีอาการซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล สำหรับการใช้ยาลดไข้ให้ใช้ยาพาราเซตามอล นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ควรหยุดเรียน หยุดงานจนกว่าจะหายเป็นปกติ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีคนใกล้ชิดหรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

นายวิทยา กล่าวว่า หากอาการไม่ดีขึ้น ไข้ยังสูงติดต่อกัน 2-3 วัน มีอาการไอมาก หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก มีอาการซึมลง ควรรีบพบแพทย์ ขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคจัดช่องทางบริการพิเศษให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นการเฉพาะ เพื่อผู้ป่วยได้รับความสะดวกได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่น

"หากมีอาการรุนแรงหรืออยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงอาการรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลและดูแลอย่างดีที่สุด เพื่อป้องกันการเสียชีวิต ขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับ จัดเตรียมห้องแยกไว้ดูแลเป็นการเฉพาะแล้ว และจัดทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลางไว้เป็นที่ปรึกษาแพทย์ทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนตลอด 24 ชั่วโมง" นายวิทยากล่าว

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในวันที่ 5 กรกฎาคม ได้รับรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 231 ราย เป็นนักเรียน 205 ราย ที่เหลือ 26 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ รวมจำนวนผู้ป่วยทั้งประเทศสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม จำนวน 2,076 ราย เสียชีวิต 7 รายเท่าเดิม เป็นชาย 4 ราย หญิง 3 ราย หายป่วยอาการเป็นปกติแล้ว 2,036 ราย ที่เหลืออีก 33 ราย รักษาในโรงพยาบาล อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่ นายมานิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลนครปฐม โรงพยาบาลสมุทรสาคร และโรงพยาบาลราชบุรี เพื่อติดตามดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า สธ.ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งทั่วประเทศ จัดช่องทางพิเศษสำหรับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะ ดูแลทั้งโรคไข้หวัดทั่วไปและโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ให้ปะปนกับผู้ป่วยอื่นๆ เป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จ ตรวจ รักษา จ่ายยาที่จุดเดียวหรือวัน สต็อป เซอร์วิส

นายมานิต กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะโรคนี้สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ และเน้นย้ำให้ผู้ดูแลพื้นที่สาธารณะต่างๆ ดูแลทำความสะอาดเพิ่มขึ้น โดยเน้นทำความสะอาดบ่อยๆด้วยน้ำผสมผงซักฟอก สำหรับเด็กนักเรียนในช่วงวันหยุดยาว 5 วันนี้ ขอให้ดูแลตนเอง ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยไม่ไห้ไปร้านเกม งดไปโรงเรียนกวดวิชา หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนอยู่จำนวนมากๆ ขอให้อยู่บ้านอ่านหนังสือแทน ส่วนคนที่ป่วยให้ดูแลตนเองมากขึ้น

ด้านนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือมายังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในการประสานกับโรงเรียนกวดวิชา เพื่อขอความร่วมมือในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว โดยขอให้โรงเรียนกวดวิชาทุกแห่งหยุดทำการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงระหว่างวันที่ 6-8 กรกฎาคม

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ในการลดไข้ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีไข้สูงทำได้ 2 วิธี คือ เช็ดตัวด้วยน้ำสะอาด น้ำธรรมดาทั่วๆ ไป โดยบิดผ้าให้เปียกหมาดๆ น้ำจะมีคุณสมบัติช่วยพาความร้อนระเหยออกจากร่างกาย วิธีการเช็ดให้เช็ดจากส่วนปลายอวัยวะเข้าหาหัวใจ เช่นปลายเท้า มือ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนขับความร้อนออกจากร่างกายให้ดียิ่งขึ้น และวางผ้าตามซอกคอ รักแร้ ข้อพับ เพื่อถ่ายเทความร้อนออกมาจากผิวหนัง และใส่เสื้อผ้าบางๆ ส่วนยาลดไข้แนะนำให้ใช้พาราเซตามอล อาจจะกินทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรกินยาแอสไพริน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาตับอักเสบและตับล้มเหลว ที่เรียกว่า เรย์ ซินโดรม (Reye′s syndrome) เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้

วันเดียวกัน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ จ.สมุทรสงคราม แล้ว 2 คน เป็นหญิง อายุ 16 ปี และชาย อายุ 24 ปี ซึ่งผู้ป่วยหญิงรักษาหายกลับบ้านไปแล้ว ส่วนผู้ป่วยชายยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนภาลัย อ.บางคนที

นพ.สอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อำนาจเจริญ กล่าวว่า ที่ จ.อำนาจเจริญ พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว 3 ราย ล่าสุด เป็นหญิงชาวบ้าน อายุ 21 ปี อยู่ในพื้นที่ อ.หัวตะพาน นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอหัวตะพาน อาการยังไม่ดีขึ้น จากการซักประวัติผู้ป่วยไม่ได้ออกนอกจังหวัด

วันเดียวกัน เวลา 16.30 น. นพ.อภิชาติ รอดสม นายแพทย์ สสจ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูงเป็นชายอายุ 18 ปี พักอาศัยอยู่ที่ ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา ตรวจสอบก่อนเสียชีวิต ผู้ตายมีไข้สูงถึง 38 องศาเซลเซียส และเริ่มรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว ก่อนถูกส่งตัวมารักษา เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งอุณหภูมิในร่างกายได้ลดลงแล้ว แต่เนื่องจากมีอาการช็อค และตรวจประวัติการรักษา พบว่า มีปริมาณเม็ดเลือดขาวสูงมากคล้ายอาการติดเชื้อแบคทีเรียในปอด หรือติดเชื้อในกระแสเลือดมากกว่าการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 ขณะนี้รอผลตรวจเชื้อจากห้องแล็บเพื่อระบุสาเหตุการเสียชีวิตอย่างชัดเจน

นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. กล่าวว่า เท่าที่สอบถามกับทางแพทย์โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา แพทย์วินิจฉัยสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ผู้ตายมีภูมิต้านทานต่ำลง ซึ่งทาง รพ.แจ้งว่า ไม่มีเหตุเกี่ยวกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009

"ทั้งนี้ เพื่อความรอบครอบและโปร่งใส ทาง สธ.จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการวินิจฉัยของแพทย์ เพราะการรักษามีแนวทางในการสอบสวนโรคที่ชัดเจนอยู่แล้ว สธ.ยังไม่ยืนยันว่า ผู้ตายติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่วนโรงพยาบาลจะส่งผลตรวจขั้นสุดท้ายมาที่ห้องตรวจเชื้อของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางจังหวัดเช่นกัน" รองปลัด สธ.กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook