สาวตายทั้งเป็น สามีฝรั่งพุ่งชนจนตกตึก 5 ชั้น กระดูกสันหลังหัก-ไส้แตก กลายเป็นคนพิการ

สาวตายทั้งเป็น สามีฝรั่งพุ่งชนจนตกตึก 5 ชั้น กระดูกสันหลังหัก-ไส้แตก กลายเป็นคนพิการ

สาวตายทั้งเป็น สามีฝรั่งพุ่งชนจนตกตึก 5 ชั้น กระดูกสันหลังหัก-ไส้แตก กลายเป็นคนพิการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(12 ก.ย.62) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางพัชรภร อายุ 54 ปี มารดา น.ส.ณัฐชยา อายุ 32 ปี พี่สาวของ น.ส.สุนิสา อายุ 28 ปี ผู้พิการแขนขา เดินทางเข้าร้อง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดีที่น้องสาวตกคอนโด

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.00 น. (16 มิ.ย.62) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัทยา ได้รับแจ้งมีหญิงสาวตกจากที่สูง ชั้น 5 คอนโดแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่ง รพ.ชลบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตพบว่าผู้บาดเจ็บตกลงมาจากห้อง 506 ในที่เกิดเหตุพบ นายคริสเตียน ฟิลลิปส์ ซอง ชาร์ก ออร์แกนไนซ์เซอร์คลับดังเมืองพัทยา ซึ่งเป็นสามีของผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ น.ส.สุนิสา เชิดสกุล อายุ 28 ปี

จากการสอบถาม น.ส.สุนิสา อายุ 28 ปี อดีตพีอาร์ไนท์คลับดังย่านวอคล์กิ่งสตรีท ทราบว่าเวลา 21.00 น. ตนและนายคริสเตียนสามีอยู่ที่ห้อง 506 คอนโดดังกล่าว มีปากเสียงกันเนื่องจากตนจะกลับห้องพักตนเองเพื่อไปเอาเสื้อผ้า แต่นายคริสเตียนหึงหวงคิดว่าตนจะไปหาผู้ชายอื่น มีการลงมือทำร้ายตนทั้งเตะ ตบ ตี ใช้อาวุธมีข่มขู่ และบีบคอตนเองจนเกือบหมดสติ เมื่อตนค่อยๆ มีแรงจึงพยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยิน ตนจึงจะออกไปตะโกนที่ระเบียงเพราะออกทางประตูไม่ได้ นายคริสเตียนถือมีดและล็อคประตูไว้ เมื่อตนวิ่งไปที่ระเบียงเปิดประตูเลื่อนออก นายคริสเตียนได้วิ่งตามมาและพยายามที่จะผลักประตูให้เลื่อนออก ซึ่งแรงของตนต้านไม่ไหวทำให้นายคริสเตียนพุ่งออกมาชนร่างของตนจนกระเด็นตกจากระเบียนลงมา ตนยืนยันว่าไม่ได้ตกตึกมาเอง

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกสันหลังหัก 4 จุด ไส้แตก และทำให้ตนพิการเดินไม่ได้ ตนกับสามีอยู่กินกันมาเกือบ 1 ปี มีปากเสียงและตนถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง ผ่านมา 3 เดือนคดียังไม่คืบ ร้อยเวรไม่เคยมาดูร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกายที่โรงพยาบาล ไม่เคยมาสอบปากคำ หลังเกิดเหตุพี่สาวเพิ่งพาไปตามคดีที่สถานีตำรวจ 1 ครั้งและมีร้อยเวรคนอื่นมาสอบปากคำไปเพียงครั้งเดียว ส่วนสามีไม่เคยมารับผิดชอบดูแลขณะนี้ได้กลับประเทศไปแล้ว ยืนยันตนไม่ได้กระโดดตึกลงมาแต่สามีเป็นคนทำให้ตนตกลงมา

น.ส.ณัฐชยา อายุ 32 ปี พี่สาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลน้องสาวเพราะตอนนี้น้องพิการดูแลตัวเองไม่ได้ ด้านคดี 3 เดือนกว่าคดีไม่คืบ ไม่มีการมาสอบปากคำ ร้อยเวรไม่เคยมาดูอาการ โทรไปหลายสิบครั้งไม่รับสาย จนในที่สุดตนต้องพาน้องไปหาร้อยเวรเองจึงได้สอบปากคำไปเพียงครั้งเดียว ตอนนี้น้องต้องเป็นผู้พิการประเภท 3 (บกพร่องทางการเคลื่อนไหวหรือร่างกาย) ตำรวจและแพทย์ลงความเห็นว่าน้องกระโดดตึกลงมาเองทั้งที่ยังไม่มีการสอบปากคำ แต่สามีที่ชนน้องตกลงมากลับลอยนวลกลับประเทศไปแล้ว เขาเป็นลูกน้องเจ้าของไนท์คลับดังหลายแห่งที่เมืองพัทยาและกรุงเทพ ตนและแม่เกรงว่าเขาจะใช้อิทธพลทางด้านคดี จนน้องไม่ได้รับความรับผิดชอบจากคนทำผิด

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า คดีนี้ค่อนข้างอุกฉกรรจ์ผู้บาดเจ็บต้องพิการกระดูกสันหลังหักหลายจุด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียดและรอบครอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ถ้าเป็นการถูกทำร้ายจนพิการผู้กระทำผิดต้องมีโทษทั้งคดีอาญาและแพ่ง เนื่องจากน้องอายุน้อยต้องมาพิการทำมาหากินไม่ได้ และจากการพูดคุยคดีไม่คืบหน้าผ่านมา 3 เดือน ผู้เสียหายคาดว่ามีกลุ่มอิทธพลหรือผู้ก่อเหตุรู้จักกับตำรวจทำให้คดีเงียบไป ตนจึงจะพาไปร้องที่กองปราบในวันพรุ่งนี้เพื่อให้ติดตามคดีและรับสืบสวนให้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook