กลิ่นเน่าคลุ้ง แม่ค้าน้ำเต้าหู้ถูกฆาตกรรมหมกศพคาบ้าน ไร้เงาผัวชาวจีน

กลิ่นเน่าคลุ้ง แม่ค้าน้ำเต้าหู้ถูกฆาตกรรมหมกศพคาบ้าน ไร้เงาผัวชาวจีน

กลิ่นเน่าคลุ้ง แม่ค้าน้ำเต้าหู้ถูกฆาตกรรมหมกศพคาบ้าน ไร้เงาผัวชาวจีน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สามีชาวจีนสุดอำมหิต ฆาตกรรมฟันหัวเมียสาวแม่ค้าน้ำเต้าหู้เมืองพิษณุโลก อำพรางศพมัดมือมัดเท้าคาบ้าน ก่อนเผ่นหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

(2 ก.ย.) ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งมีหญิงสาวถูกฆาตกรรมอำพราง เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.วรุต คณานนท์ รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ภายในห้องนอนบนบ้าน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาว ทราบชื่อคือ น.ส.นันพิกา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพถูกห่อคลุมด้วยผ้าห่มมีเลือดไหลกองเต็มพื้น เมื่อเปิดออกดูพบว่ามีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่ศีรษะ 2 แห่ง ห่างจากตาข้างขวา 1 แห่ง เป็นแผลฉีกขาดฉกรรจ์ สวมเสื้อลายเทาดำแขนยาว ท่อนล่างสภาพเปลือยเปล่า

นอกจากนี้บริเวณข้อมือยังถูกมัดด้วยเชือกไนล่อนสีขาวผูกติดกับขาและที่ขาทั้งสองข้าง โดยมัดพันธนาการด้วยสายยู สภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำร่างส่งผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

ในเวลาต่อมา นางลูกจันทร์ อายุ 67 ปี พร้อมกับ นายภาคภูมิ อายุ 37 ปี ซึ่งแม่และน้องชายของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาจาก จ.สุโขทัย เพื่อมาตรวจสอบ ก่อนร่ำไห้ด้วยความเสียใจ ก่อนจะให้การว่า น.ส.นันพิกา พักอาศัยอยู่กับสามีชาวจีน คือ นายเหลียง อายุ 41 ปี โดยอยู่กินเป็นสามีภรรยานานกว่า 10 ปีแล้ว

ทั้งคู่จะช่วยกันทำมาหากินเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้อยู่สี่แยกวุ่นวาย ถ.สีหราชเดโชชัย เมืองพิษณุโลก แต่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.นันพิกา ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาน้องชายให้ไปรับที่สนามบินพิษณุโลก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้มารับกี่โมง ก่อนจะเงียบหายไป โดยเข้าใจว่าอาจจะให้สามีมารับกลับบ้านไปแล้ว

กระทั่งต่อได้พยายามโทรศัพท์ติดต่ออีกครั้ง แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงรู้สึกเอะใจวานให้ญาติที่อยู่ใกล้ๆ กัน มาตามที่บ้านก็พบว่าประตูรั้วถูกปิดล็อกอยู่ แต่เรียกเท่าไรก็ไม่มีใครออกมา พบเพียงสุนัขพันธุ์บางแก้ว 2 ตัว ซึ่งปกติแล้วจะถูกขังไว้ในกรงปล่อย ต่อมาได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ไปตัดกุญแจบ้านเพื่อตรวจสอบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงกับผงะ เมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากห้องนอน ก่อนจะพบศพ น.ส.พันพิกา อยู่ภายใน

ขณะที่ นายเหลียง สามีชาวจีนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับรถกระบะโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า นายเหลียง ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ผ่านด่านที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.)

เบื้องต้นคาดว่า นายเหลียง น่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ พร้อมกับได้ขออำนาจหมายศาลจังหวัดพิษณุโลกออกหมายจับ โดยจะประสานกับตำรวจสากลเร่งติดตามตัว คาดว่าหลบหนีออกนอกประเทศกลับไปยังประเทศจีน

ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงระบุ เมื่อช่วงเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นมาจากที่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะมีเสียงหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว และเพิ่งมาทราบว่าเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในบ้านหลังนี้

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว น.ส.นันพิกา เป็นคนมีน้ำใจกับคนเฒ่าคนแก่ละแวกบ้าน มักจะนำน้ำเต้าหู้มาแบ่งให้อยู่เสมอๆ แต่ตัวของนายเหลียง ไม่เคยออกมาสุงสิงกับใครเลย และมักจะมีนิสัยโมโหและอารมณ์ร้อน เคยก่อเหตุวิวาทกับภรรยา และชกฟันหักมาแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ในคืนวันเกิดเหตุทั้งคู่น่าจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเรื่องหึงหวงเพราะผู้เสียชีวิตเป็นสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยสมวัย ก่อนจะใช้อาวุธมีดทำครัวที่อยู่ในบ้านฟันศีรษะและใบหน้าภรรยาเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะจับแก้ผ้ามัดมือมัดเท้าใช้ผ้าห่มคลุมอำพรางศพ ก่อนจะขับรถหลบหนีไปเข้ากรุงเทพฯ และออกนอกประเทศไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook