ดา ชฎาพร ยันคบสาวทอมแค่เพื่อน! แฉ อรอนงค์ ก็โดน

ดา ชฎาพร ยันคบสาวทอมแค่เพื่อน! แฉ อรอนงค์ ก็โดน

ดา ชฎาพร ยันคบสาวทอมแค่เพื่อน! แฉ อรอนงค์ ก็โดน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชักวุ่น คดีอ้างชื่อรูดบัตร-ซื้อรถหรู สาวทอมเผยเคยคบ "ดา" ชฎาพร อ้างคนเชียงใหม่รู้สัมพันธ์แน่นแฟ้น แฉอดีตนางเอกรุ่นใหญ่ ตามราวีแฟนใหม่-ข่มขู่-จ้างเลิก ด้านคู่กรณีโต้คบแค่เพื่อน-ถ่ายรูปคู่กันเรื่องปกติ เผย "อรอนงค์ ปัญญาวงศ์" โดนหลอกด้วย

คดีอ้างชื่อรูดบัตรเครดิตและซื้อรถหรูระหว่างสาวทอมกับ 2 อดีตนักแสดงชื่อดัง ส่อบานปลาย ภายหลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล หรือ เจมส์ ทอมวัย 44 ปี ในข้อหาเอาไปซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ปลอมและใช้เอกสารปลอม ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น และข้อหาลักทรัพย์ หรือรับของโจร โดยมีคู่กรณีคือ น.ส.อุบลวรรณ บุญรอด หรือ ตุ๊กตา ดีเจชื่อดัง และอดีตดารานักแสดง และ น.ส.ชฎาพร รัตนากร หรือ ดา อดีตนางเอกชื่อดัง นอกจากนี้เพื่อนสนิทของ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ยังนำรูปถ่ายระหว่าง น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ กับ น.ส.ชฎาพร ซึ่งถ่ายคู่กันด้วยท่าทีสนิทสนมออกเผยแพร่ด้วยนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน น.ส.ชฎาพร ระบุว่าภาพที่ถ่ายคู่กันเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อน ในประเด็นนี้ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ เปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ว่า ไม่อยากจะออกมาเถียง หรือตอบโต้เป็นรายวัน พูดได้รวมๆ เพียงว่า สิ่งที่ น.ส.ชฎาพร พูดทุกอย่างโกหกหมด

"เรื่องฐานะที่คบกัน ก็รู้อยู่แก่ใจว่าระหว่างคบกันเขาไปแสดงตัวกับใครไว้บ้างว่าคบกับดิฉันฐานะอะไร เมื่อสองปีที่ผ่านมา ดิฉันไปสนิทสนมกับนักศึกษาเกียรตินิยมด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชื่อว่าน้องจูน เขาก็ตามไปราวี จ้างให้น้องจูนเลิกกับดิฉัน ลองถามเขาเองว่า เขาจ้างในราคาเท่าไหร่ แถมยังข่มขู่น้องจูนด้วยซ้ำ" น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์กล่าว

น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์กล่าวยืนยันว่า น้องจูนมีตัวตนอยู่จริง ในจดหมายที่ น.ส.ชฎาพร เขียนถึงตนยังบอกให้สาบานจะเลิกคบกับน้องจูน เรื่องนี้สอบถามพยานแวดล้อมได้ โดยเฉพาะคนใน จ.เชียงใหม่ รู้เห็นกันหมดว่าเราอยู่กันในฐานะอะไร ส่วนเรื่องที่ น.ส.ชฎาพรบอกว่า คิดแล้วว่าเรื่องต้องออกมาในรูปแบบนี้ หาว่าตนสร้างเรื่องโกหกพกลม ทั้งที่ความจริงคนที่รู้เรื่องเขาเข้าใจกันหมดว่าใครกันแน่โกหกแต่งเรื่องทั้งหมดขึ้น และถ้าไปสาบานว่าที่ตนพูดเป็นเรื่องจริงก็ยิ่งดี

"เรื่องที่เขามาอ้างว่าตัวดิฉันเองเปลี่ยนชื่อหนีคดีมาไม่รู้กี่หน แล้วตัวคุณชฎาพรเองเปลี่ยนมากี่หนแล้ว ก่อนจะกลับมาใช้ชื่อเดิม เปลี่ยนมากกว่าดิฉันเสียอีก ก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องเปลี่ยนชื่อมันเป็นประเด็นตรงไหน ในเมื่อเปลี่ยนยังไงหมายเลขบัตรประชาชนก็ยังเลขเดิม หนีไม่ได้หรอก" น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์กล่าว

น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์กล่าวถึงหลักฐานเอกสารในการซื้อรถว่า ยังยืนยันให้ไปสอบถามจาก พ.ต.ท.บุญมี จันทร์จวง พนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา หรือติดต่อไปทางบริษัทไฟแนนซ์รถ สำหรับตนแล้วจะขอเก็บหลักฐานเอกสารไว้ทั้งหมด รวมถึงข้อมูลในมือเพื่อนำไปต่อสู้กันในชั้นศาล

"อยากฝากไปถึงผู้หวังดีที่อ้างตัวเป็นนักข่าวแล้วโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องนู้นเรื่องนี้กับดิฉัน ไม่เคยมีนักข่าวคนไหนมีเบอร์ดิฉัน นอกจากดิฉันจะติดต่อไปเองด้วยเบอร์ส่วนตัว ซึ่งมีไม่กี่คนที่รู้ ไม่อยากให้มาแอบอ้างเพื่อล้วงข้อมูล ทำไปก็เสียเวลาเปล่าๆ เพราะจะไม่ได้อะไรกลับไปแน่นอน" น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ได้นำหลักฐานซึ่งเป็นจดหมายที่อ้างว่าเป็นลายมือของ น.ส.ชฎาพร ที่เคยเขียนถึงตัวเอง ซึ่งมีเนื้อหาตัดพ้อต่อว่า น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ไปมีคนรักใหม่ที่ชื่อจูน ภายหลัง น.ส.ชฎาพรตั้งใจไปหา น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ที่บ้านพักที่บางแสน จ.ชลบุรี แล้วเจอเสื้อผ้าชุดชั้นในผู้หญิง และปฏิทินในห้องของ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ยังมีการทำตำหนิว่าวันนี้วันเกิดจูน เป็นเหตุให้ น.ส.ชฎาพรเสียใจมาก เพราะตลอดเวลาที่คบกันไม่เคยคิดว่าจะโดนกระทำแบบนี้

รายละเอียดในจดหมายตอนหนึ่ง ระบุว่า "ทุกครั้งที่เราทะเลาะกันใจดาไม่เคยคิดจะเลิกกันจริงเลยสักครั้งเดียว แต่มันอยากพูดแบบนั้น เพราะรู้สึกแย่มากๆ และดาก็จะเอาเอสเอ็มเอสดีๆ ที่พี่ส่งให้ดามานั่งอ่านทุกที ทำให้มีแรงกลับมาคุยกันใหม่แบบดีๆ ได้ แต่ตอนนี้ลบทุกอย่างของพี่ออกหมดแล้ว และจะพยายามลบออกจากความทรงจำด้วยซ้ำไป ดาเคยบอกพี่แล้ว เราเดินสวนทางกันตลอดเวลา แม้ทุกสิ่งที่พี่ทำก็ยังสวนทางกับสิ่งที่พี่พูด แต่ยังไงซะก็ขอให้ไปดี รักกันให้มาก เลี้ยงเบิร์ธเดย์กันให้สนุก อ้อ! การไปบ้านที่บางแสนในครั้งนี้ ดารับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างได้ว่า มันไม่ใช่ที่ที่ดาควรมาอีกต่อไป มันไม่ใช่ที่ของดาแล้ว รู้สึกได้เลยถึงแม้ว่าบ้านจะน่ารักกว่าที่เคยเป็น แต่มันเยือกเย็นทั้งบ้านและคนที่อยู่ในบ้าน"

นอกจากนี้ยังมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับที่ลายมือเหมือนกัน ส่งถึง น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ให้สาบานตาม ตอนหนึ่งว่า "จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่ชื่อจูนอีกต่อไป และจากนี้ไปจะรักดาไปจนตาย พร้อมทั้งจะทำแต่สิ่งดีๆ เลิกเหล้า บุหรี่" ก่อนลงท้ายว่าได้เขียนบันทึกข้อความดังกล่าว ณ วัดพระแก้ว

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับน้องจูนซึ่งมีชื่อถูกพาดพิงในจดหมายดังกล่าว โดยน้องจูนเปิดเผยว่า รู้จักกับ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ มากว่า 2 ปี ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดยังจำได้ดีว่า มีอยู่วันหนึ่ง น.ส.ชฎาพร และ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์มาหาเธอที่คอนโด โดย น.ส.ชฎาพรแสดงตัวว่าเป็นแฟนกับ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ อีกทั้งได้ขอให้เธอออกไปจากชีวิตของ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์

"เขาบอกดิฉันว่า เขาเป็นดาราจึงไม่สามารถคบใครอย่างเปิดเผยได้ แต่ขอให้ดิฉันรู้ไว้ว่าเขานี่แหละเป็นแฟนตัวจริง และยังยื่นข้อเสนอที่จะให้เงิน 1 แสนบาท แต่ดิฉันไม่ได้รับไว้ แล้วฉันก็เดินออกมาจากพี่เจมส์โดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ทุกครั้งที่ดิฉันอยู่กับพี่เจมส์ เขาก็โทรเข้ามา บางครั้งพี่เจมส์ก็โทรไป มีการติดต่อพูดคุยกันตลอดเวลา ดิฉันขอยืนยันว่า ณ วันนั้น คุณชฎาพรได้พูดกับดิฉันตามนี้จริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด" น้องจูนกล่าว

น้องจูน กล่าวอีกว่า หลังจากมีข่าวออกมาก็รู้สึกตกใจและงงว่าเหตุใดเรื่องจึงเป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่รับรู้ถึงเรื่องหนี้สินเงินทองใดๆ รู้แต่เพียงว่า ระหว่างที่รู้จักกับ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ไม่เคยมีพฤติการณ์ที่จะหลอกลวงเอาเงินแต่อย่างใด มีแต่ให้มากกว่า แต่เรื่องระหว่างน.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์กับน.ส.ชฎาพรนั้น น้องจูนยืนยันว่าไม่รับรู้หรือรู้เห็นใดๆ ในเรื่องคดีความที่เกิดขึ้น

วันเดียวกัน น.ส.ชฎาพรกล่าวยืนยันอีกครั้งว่า โดนคู่กรณีปลอมแปลงเอกสารลายเซ็นจริง ขณะนี้เตรียมรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อออกมาแฉคู่กรณี พร้อมทั้งระบุว่า ยังมีดาราและนักแสดงโดนหลอกอีกหลายคน

"เรื่องจริงแค่รู้จักกัน แล้วก็สนิทสนม เพราะด้วยระยะเวลาที่รู้จักกันเป็นสิบปี ฉะนั้นรูปที่ถ่ายคู่กัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะกับแฟนคลับ ดาก็ถ่ายแบบนี้เหมือนกัน ส่วนเรื่องรถมันเป็นเรื่องที่เขาหลอกลวงให้เราไปทำในระบบของเขา ซึ่งมันมีที่มาที่ไปคือ เขาเอาเงินดาไป แล้วเขาอ้างว่าจะเอาเงินมาคืนได้ แต่สุดท้ายดาก็ไม่ได้ทั้งรถไม่ได้ทั้งเงินคืน ตอนนี้ขอให้เรื่องเป็นคดีความไป แม้ว่าทางเขาจะออกมาพูดว่าเขากำลังรวบรวมข้อมูล ดาก็ไม่กลัว ให้เขารวบรวมมาเลย มาชนกัน มาเจอกันตัวต่อตัว ไม่ต้องมาหลังไมค์ เพราะดาพร้อมเหมือนกัน กำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ อยู่" น.ส.ชฎาพรกล่าว

อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ กล่าวอีกว่า สำหรับเอกสารต่างๆ ที่คู่กรณีอ้างว่าตนเป็นคนเซ็นนั้น ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าคู่กรณีปลอมแปลงเอกสาร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเซ็นเอกสารรับรถ อีกทั้งไม่เคยทำเรื่องไฟแนนซ์ที่ใด ส่วนรถเบนซ์ที่เป็นข่าวก็ไม่เคยได้ขับ รวมถึงรถฟอร์ดอีกคันหนึ่งก็ไม่เคยเห็น

"เขามาขอเอกสารไป แล้วก็บอกว่าจะผ่อนเอง แต่ที่ดารู้สึกเสียใจตรงที่เขาบอกว่าซื้อให้ดา ดาโกรธมากจริงๆ ดาราคนอื่นๆ ก็โดนเขาหลอกหลายคนเหมือนกัน เพราะดาได้อ่านในเว็บไซต์มีคนมาเขียนว่าคนโน้นคนนี้ก็โดน อย่าง อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ก็โดนแบบเดียวกัน" น.ส.ชฎาพรกล่าว

ขณะที่ นางอรอนงค์ อาวะกุล (ปัญญาวงศ์) หรือ "อร" อดีตนางสาวไทยปี 2535 กล่าวว่า เคยโดน น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ หลอกเอาเงินไปเช่นกัน โดยรู้จักกันตั้งแต่ปี 2541 แต่ติดต่อกันไม่ถึงปี

"เหมือนจ้างเราไปถ่ายวิดีโอวอลล์ เพื่อออนแอร์ในสนามบินที่ จ.เชียงใหม่ คือติดต่อกันเรื่องงาน พอไปๆ มาๆ เขาก็มีถามสารทุกข์สุกดิบ แต่กรณีของอร เจอก่อนน้องตุ๊กตา เขาก็ไม่ได้หลอกเงินเราไปเยอะแยะหรอก เพราะอรไม่ได้รวย เขาก็มายืมเงินไป แต่ไม่กี่หมื่น เขาอ้างว่าเช็คไม่ผ่าน แต่ไม่คิดจะฟ้องร้อง อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนมากกว่า" นางอรอนงค์กล่าว

อดีตนางสาวไทย กล่าวอีกว่า เขาเป็นทอม แต่ตอนที่รู้จักกันเธอก็มีแฟนแล้ว ซึ่งปัจจุบันคือสามีของเธอ และเมื่อประมาณ 11 ปีก่อน เธอเคยเป็นข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ เนื่องจาก น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์นำภาพที่ถ่ายคู่กับเธอออกมาเผยแพร่ ทั้งที่เป็นภาพในการทำงาน และอ้างว่าเป็นคนซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอไปสหรัฐ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตอนนั้นเธอไปเล่นเกมรายการลุ้นข้ามโลก

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook