ในหลวงรับสั่งให้รักษาพันธุ์ข้าวไทยมีสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอม เป็นประเทศแรก

ในหลวงรับสั่งให้รักษาพันธุ์ข้าวไทยมีสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอม เป็นประเทศแรก

ในหลวงรับสั่งให้รักษาพันธุ์ข้าวไทยมีสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอม เป็นประเทศแรก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณหญิงกัลยาเผยในหลวงรับสั่งให้รักษาพันธุ์ข้าวไทยมีสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอมในข้าว เป็นประเทศแรกของโลกที่ให้ความคุ้มครอง ของแท้ต้องหอมและนุ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ที่ทรงอุทิศพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวไทย พร้อมทั้งกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับสิทธิบัตรยีนที่ควบคุมความหอมในข้าว วานนี้ (24 มิ.ย.)

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งเป็นพิเศษให้รักษาพันธุ์ข้าวไทย โดยเฉพาะสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอมในข้าว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาออกสิทธิบัตรดังกล่าวให้ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้ความคุ้มครองในเรื่องนี้ ดังนั้น ข้าวไทยที่ได้รับการจดสิทธิบัตรจะการันตีว่า ข้าวไทยของแท้ต้องหอมและนุ่ม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชาติอื่นไม่มี และแสดงออกถึงความเป็นชาติที่คนไทยภาคภูมิใจ โดยหลังจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะร่วมกับมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการคุ้มครองพันธุ์ข้าวไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยอาจต้องประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เข้ามาช่วยรักษาข้าวไทยไว้ให้เป็นมรดกของไทย ตามที่ทรงมีรับสั่งให้รักษาข้าวไทยไว้ เพื่อให้คนไทยได้กินข้าวไทย นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะทำการพัฒนาพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 ให้ทนต่อน้ำท่วมยาวนานขึ้น จากเดิมที่ทนน้ำท่วมได้นาน 2 สัปดาห์เท่านั้น และจะพัฒนาข้าวไทยให้ทนแล้งด้วย

คุณหญิงกัลยา กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกของคนในชาติให้ตระหนักถึงความสำคัญของข้าวไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะมีความร่วมกับมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มีดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นประธาน โดยจะจัดกิจกรรมวันขอบคุณชาวนาขึ้น เพื่อเชิดชูยกย่องชาวนาที่ปลูกข้าวให้คนไทยได้รับประทานกันมายาวนาน และวิถีชีวิตของชาวนาก็ยังผูกพันกับคนไทยมาโดยตลอด เบื้องต้นกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กำลังคิดรูปแบบในการดำเนินการกิจกรรมดังกล่าว คาดว่าจะจัดกิจกรรมในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งจะผลักดันให้เป็นกิจกรรมประจำวันชาวนาแห่งชาติ คือ วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี โดยจะเริ่มอย่างเป็นทางการในปีหน้า

รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เห็นคุณค่าของข้าวไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะความลำบากเหนื่อยยากของชาวนา จึงมุ่งหวังเพิ่มมูลค่าของข้าวไทยให้สูงขึ้น โดยทุกๆ ปี กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) จะร่วมกับมูลนิธิข้าวไทยฯ จัดการประกวด "การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2552 (Rice Innovation Awards 2009)" โดยมุ่งเน้นคัดเลือกนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ข้าวไทย รวมทั้งกระบวนการผลิตที่มีศักยภาพในการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อยกระดับนวัตกรรมอุตสาหกรรมข้าว ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย

คุณหญิงกัลยา กล่าวอีกวา หากมีการนำนวัตกรรมเข้าไปแทรกเสริมในหน่วยธุรกิจแล้วจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทยได้มาก เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์ข้าวส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของเส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปังกรอบ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ผลิตภัณฑ์ข้าวกึ่งสำเร็จรูป และข้าวแช่เยือกแข็ง โดยในปี 2551 มีปริมาณการผลิตรวมทั้งหมด 530,000 ตัน มูลค่าตลาดในประเทศ 9,300 ล้านบาท มูลค่าตลาดต่างประเทศ 5,520 ล้านบาท แต่หากสามารถนำไปพัฒนาเป็นรูปแบบอื่นๆ ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วย การประกวดดังกล่าวจึงเป็นการเฟ้นหานวัตกรรมข้าวรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook