เปิดใจ “แม่อารีย์ เศรษฐีผู้ใจบุญ” จากสาวฉันทนาสู่เจ้าของธุรกิจยางรถยนต์

เปิดใจ “แม่อารีย์ เศรษฐีผู้ใจบุญ” จากสาวฉันทนาสู่เจ้าของธุรกิจยางรถยนต์

เปิดใจ “แม่อารีย์ เศรษฐีผู้ใจบุญ” จากสาวฉันทนาสู่เจ้าของธุรกิจยางรถยนต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่อารีย์ วัย 67 ปี เศรษฐีผู้ใจบุญ จากสาวฉันทนาค่าแรงวันละไม่ถึงร้อยสู่เจ้าของธุรกิจยางรถยนต์รายใหญ่เมืองราชบุรี เผยมีความสุขที่ได้ทำบุญช่วยเหลือสังคมและตอบแทนคุณแผ่นดิน หลังลูกทั้ง 3 คนประสบความสำเร็จในชีวิตสานต่อธุรกิจครอบครัว

 (12 ส.ค.) นางอารีย์ บวรพัฒนานนท์ วัย 67 ปี ชาวตำบลบางป่า อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เจ้าของธุรกิจยางรถยนต์รายใหญ่เมืองราชบุรี หรือที่รู้จักกันสังคมว่า “แม่อารีย์” ที่จะเห็นงานบุญทางสังคม หรือ ตามวัดและโรงเรียน จะมีชื่อเป็นผู้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในด้านต่างๆ หรือ ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ปีหนึ่งนับเป็นมูลค่าไม่ได้ว่าบริจาคไปเท่าไหร่

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้อุปถัมภ์บรรดาเจ้าสุนัขจรจัด สุนัขเลี้ยงกว่า 20 ตัว และ แมวอีกว่า 20 ตัว ซึ่งแม่อารีย์เลี้ยงดูไว้ด้วยความสงสารจากร่างกายสูบผอมกลับอ้วนท้วนสมบูรณ์ทุกตัว ทำให้เป็นที่รู้จักว่า “แม่อารีย์เศรษฐีผู้ใจบุญ”

แม่อารีย์ เปิดเผยเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งครอบครัวและธุรกิจ ให้ฟังว่า เมื่อครั้งยังวัยเด็กครอบครัวมีฐานะยากจนเรียนจบเพียงแค่ชั้น ป.4 ต้องดิ้นรนทำงาน หลังจากเรียนจบได้ไปรับจ้างทอผ้าที่อำเภอบ้านโป่ง หรือที่รู้จักกันว่า “สาวฉันทนา” เพราะเป็นคนที่หน้าตาดีรูปร่างเล็ก และขยัน และยังทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายผลไม้

จากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่อำเภอบางแพ โดยเช่าห้องแถวด้วยค่าเช่าเดือนละ 100 บาท และขณะนั้นมีลูกด้วยกัน 3 คน จึงต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่ด้วยเป็นคนที่ขยันและมีความมุมานะ อุสาหะ จึงทำงานทุกอย่างแบบไม่เกี่ยงเพราะต้องแรกด้วยค่าแรงเพื่อมาจุนเจือครอบครัว

คุณแม่อารีย์ ได้ไปรับรับจ้างเป็นนายหน้าถมที่ สร้างถนนที่พุทธมณฑลสาย 4 และ สาย 2 ด้วยการหารถบรรทุกดินเพื่อนำมาถมถนน ซึ่งในช่วงนั้นยางรถบรรทุก10ล้อหายาก ตนจึงได้ไปหายางรถบรรทุก 10 ล้อมาขาย แบบซื้อมาขายไปกำไร เส้นละ 50 บาท จนสร้างถนนแล้วเสร็จ

จากนั้นได้มาตั้งรกรากถิ่นฐานที่อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยการยืมเงินจากญาติคนหนึ่งเพื่อเป็นทุนเปิดกิจการขายยางรถยนต์ โดยใช้ชื่ออารีย์การยาง เมื่อปี 2526 แบบซื้อมาขายไปไม่มีการถอดใส่ ซึ่งเปิดทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะมีรถบรรทุกจำนวนมากมาใช้บริการ ทำอยู่ราว 10 ปี จนส่งเสียลูกทั้ง 3 คนเรียนจบในระดับที่สูง

ด้วยความที่ตนเองและครอบครัวลำบากจึงพยายามอดทน ทำงาน ขยันไม่ย่อท้อโดยไม่มีวันหยุด ใช้ความซื่อสัตย์ในการบริการต่อลูกค้าทำให้มีผู้มาใช้บริการมากขึ้น จนพัฒนากิจการก้าวเปิดเป็นบริษัท ราชบุรียางยนต์ ในปี 2535 และได้ดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 36 ปี

คุณแม่อารีย์ เล่าต่อว่า หลังจากที่ลูกทั้ง 3 คนเรียนจบ ได้ร่วมกันสานต่อธุรกิจยางรถยนต์ รวมแล้ว 8 สาขาที่ให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ถือว่าทุกวันนี้ชีวิตของตนและครอบครัวประสบความสำเร็จ จากการเริ่มต้นจากศูนย์จนเรามีธุรกิจเป็นของตัวเอง

แม้จะยังต้องเป็นหนี้กับทางธนาคารเพื่อหมุนในธุรกิจ ส่วนผลกำไรส่วนหนึ่งตนได้นำมาช่วยเหลือสังคม บริจาคให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน วัด สโมสรต่างๆ และ สภากาชาดไทย เพื่อเป็นการคืนกำไรให้สังคม และเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.62 ลูกชายคือนายจิราวุฒิ แซ่ตั้ง อายุ 44 ปี และเป็นผู้บริหารบริษัทราชบุรีศูนย์รวมยาง ได้นำโฉนดที่ดินเลขที่ 106135 เลขที่ดิน 182 ตำบลพงสวาย อำเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 4 ไร่ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย

เพื่อสร้างอาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย ที่จะเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ที่เปิดให้บริการตรวจคัดกรองคุณภาพโลหิต จ่ายโลหิตและส่วนประกอบโลหิตให้แก่โรงพยาบาลในเครือข่ายภาค 4 จำนวน 7 จังหวัด รวม 68 แห่ง ได้แก่ ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครปฐม สมุทรสงคราม และ สมุทรสาคร

โดยคุณแม่อารีย์ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกภูมิใจ อะไรที่ทูลเกล้าฯ ถวายให้กับสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้อยากถวายให้หมด เห็นท่านทำงานก็รักท่าน บางครั้งเห็นท่านทำงานหนักมาก ตนดูทีวียังนำตาไหลเลย เพราะเห็นท่านทำงานได้ขนาดนี้ เรายังไม่มีปัญญาทำได้ขนาดนี้เลย ซึ่งตอนนี้ตนเองก็สุขภาพไม่ดี ทำงานไม่ไหวไม่เหมือนตอนสมัยสาวๆ ที่ทำได้ทั้งวันทั้งคืน

สำหรับวันแม่ปีนี้ตนก็ไม่มีอะไรที่จะบอกลูกๆ แล้วเพราะลูกๆ ก็ปฏิบัติด้วยดีเสมอมารักแม่ และดูแลแม่มาตลอดเป็นอย่างดี อีกทั้งลูกๆ ก็ดำเนินธุรกิจไปด้วยดีประสบความสำเร็จกันทั้ง 3 คน ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีสำหรับผู้เป็นแม่แล้ว

ทุกวันนี้ตนเองออกช่วยเหลือสังคม ทั้งงานของกาชาด งานสโมสรต่างๆ ทำบุญช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่ก็ยังดูแลและบริหารธุรกิจสาขาใหญ่และเป็นที่ปรึกษาของลูกๆ ด้วย เวลาว่างก็จะมาอยู่ดูและสุนัข ที่ได้อุปถัมภ์ไว้กว่า 20 ตัว และ แมวอีกว่า 20 ตัว โดยที่ทุกตัวมีความน่ารักขี้เล่น และไม่ดุร้าย ซึ่งเราเลี้ยงมันด้วยความรักความเอาใจใส่ ทำให้เจ้าสุนัขทั้งหมด ไม่สร้างความรำคาญหรือเดือดร้อนมาให้ แม่อารีย์กล่าว

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ เปิดใจ “แม่อารีย์ เศรษฐีผู้ใจบุญ” จากสาวฉันทนาสู่เจ้าของธุรกิจยางรถยนต์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook