ไฟปริศนาลุกโชนใต้ดินมาครึ่งปี ชาวบ้านวางไข่ 10 นาที สุกเป็นไข่ลวก

ไฟปริศนาลุกโชนใต้ดินมาครึ่งปี ชาวบ้านวางไข่ 10 นาที สุกเป็นไข่ลวก

ไฟปริศนาลุกโชนใต้ดินมาครึ่งปี ชาวบ้านวางไข่ 10 นาที สุกเป็นไข่ลวก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชาวบ้านสุดฉงน ไฟปริศนาลุกไหม้โชนเพลิงอยู่ใต้พื้นดินที่นา เป็นแบบนี้ติดต่อกัน 6 เดือนแล้ว ลองนำไข่ดิบไปวางกลายเป็นไข่ลวก เจ้าหน้าที่พบมีส่วนผสมสารซัลเฟอร์ 

เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังทุ่งนา ริมหนองน้ำหนองหมัด หมู่ 9 บ้านเชียงพิณ ต.เชียงพิณ อ.เมือง หลังจากได้รับแจ้งว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเกิดไฟลุกไหม้อยู่ใต้ดิน ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 5 เดือนแล้ว ทั้งที่ทางฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.เชียงพิณ ได้ทำการเปิดหน้าดิน นำรถน้ำฉีดดับไฟใต้ดินไปแล้ว แต่ไฟก็ยังคงลุกไหม้เช่นเดิม พบกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา และยังไม่มีทีท่าว่าไฟจะมอดลง ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 9 ก็ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบไปแล้ว

สำหรับที่ดินบริเวณดังกล่าว อยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ติดหนองน้ำหนองหมัดทางทิศเหนือ เป็นนาปลูกหญ้าเนเปียร์สำหรับเลี้ยงวัว พบกับ นางปัทมา อายุ 62 ปี เจ้าของที่นา และ นายประเสริฐ จันนาวัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านเชียงพิณ พาตรวจสอบ พบว่าที่ดินติดริมหนองน้ำที่เป็นดินสีดำ โดยมีกลุ่มควันสีขาวลอยโชยขึ้นมาจากใต้ดิน เมื่อนำไม้เขี่ยควันก็จะออกลอยคลุ้งมากขึ้น และควันที่ออกมามีกลิ่นเหม็นฉุนเหมือนไฟไหม้สารเคมี เมื่อสูดดมนานๆ จะรู้สึกแสบจมูก ส่วนต้นไม้ใหญ่ริมหนองน้ำก็ยืนต้นตาย เพราะถูกความร้อนจากไฟที่ไหม้ใต้ดิน

ส่วนบริเวณที่เกิดไฟไหม้ใต้ดินเป็นพื้นที่ประมาณ 50 ตารางวา มีร่องรอยการขุดเปิดชั้นใต้ดิน โดยดินที่ถูกไฟไหม้จะมีสีแดงอิฐเหมือนสีอิฐมอญที่เผาแล้ว และมีการขุดร่องกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร ล้อมรอบจุดที่เกิดไฟไหม้ใต้ผิวดิน ป้องกันไม่ให้ไฟใต้ดินไหม้ลุกลาม พร้อมทั้งกันวัวไม่ให้เข้าไปบริเวณไฟไหม้ ขณะที่ นายประเสริฐ ได้นำไข่ไก่ดิบใส่ลงไปในจุดที่มีควันออกมา ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที ปรากฏว่ากลายเป็นไข่ลวก แกะเปลือกกินได้

นางปัทมา เจ้าของที่นา เล่าว่า พบเห็นควันไฟไหม้ใต้ดินที่นี่มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในตอนแรกก็นึกว่าเป็นพวกที่มาหาจับหนูที่นา แล้วจุดไฟทิ้งไว้ แต่เวลาผ่านไปก็เห็นกลุ่มควันลอยอยู่ไม่หายไปไหน แต่คิดว่าเพราะพวกหาหนูไม่ดับไฟมันจึงไหม้ลามไปเรื่อยๆ จึงเอาน้ำมาราดไฟก็ไม่ดับลง

news26-1ชาวบ้านนำเอาไข่ไก่ไปลองวางปิ้งบนหน้าดิน

และต่อมาวัวที่ตนเลี้ยงไว้ มีอยู่ตัวหนึ่งมาหากินหญ้าบริเวณนี้ ปรากฏว่าขาหลังขวาตกลงไปในโพรงที่มีไฟไหม้ใต้ดิน ทำให้วัวได้รับบาดเจ็บ จึงมาดูพบว่าใต้ดินมีไฟไหม้ ลุกลามเป็นดินสีเพลิง และมีควันที่ส่งเหม็นลอยออกมาด้วย หากถ้ามีลมมาแรงๆ กลิ่นก็จะพัดเข้าหมู่บ้าน

หลังจากนั้นได้ทำการนำเครื่องสูบน้ำ 2 ตัวสูบน้ำในหนอง เพื่อดับไฟ แต่ก็ยังไม่ดับ ซ้ำยังเกิดไฟดูดด้วยด้วย จึงไม่กล้าทำต่อ จึงแจ้งให้ทาง อบต.เชียงพิณ ทราบ ก็เอารถน้ำมาฉีดใส่ใต้ดิน ตนบอกว่าขอให้ดับไฟที่อยู่ใต้ดินให้หมด แต่ไฟก็ยังไม่ดับลง ส่วนที่มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 9 มาตรวจสอบ ก็ไม่รู้ว่าเขาว่าอะไรอย่างไรกัน แต่ก็ดีใจที่ยังมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบให้

ทางด้าน นายประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยวา แต่เดิมที่ตรงนี้เคยมีไฟไหม้ใต้ดินมาก่อน สมัยเด็กๆ ตนจำได้ว่ามีเงินผันลงมาขุดลอกหนองหมัก ช่วงยุค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เงิน 5 แสนบาทมาที่หมู่บ้านมาขุดลอกอีกผ่านมา 2 ปี แล้วไฟก็ไหม้อีก โดยมีชาวบ้านร้องเรียนว่าที่นี่มีไฟไหม้อีกแล้ว ควันที่ออกมามีกลิ่นเหม็นฉุน โชยเข้าไปถึงหมู่บ้านที่ห่างไป 2 กิโลเมตร

ในทีแรกคิดว่ากลิ่นจากโรงยาง แต่มันก็อยู่ไกลมาก จึงออกมาดูแล้วแจ้งไปทาง อบต.เชียงพิณ จึงนำรถแบคโฮมาขุดเป็นร่อง กันไม่ไห้ไฟใต้ดินลามไปที่อื่น แล้วนำรถน้ำมาฉีดอัดเข้าใต้ดิน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร แต่ว่าดินแถวนี้จะเป็นสีดำเกือบทั้งหมด

ทางด้าน นายสายันต์ หมีแก้ว นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 9 เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบว่าการไหม้มีกลิ่นเหม็นของสารซัลเฟอร์ ที่เหมือนการเผาถ่านหินคุณภาพต่ำ และตรวจสอบน้ำในหนองจะเป็นกรดอ่อนๆ เบื้องต้นแจ้งห้ามนำน้ำมารดดับไฟ เพราะน้ำจะเร่งปฏิกิริยาให้ไฟไหม้เพิ่มขึ้น และให้ทาง อบต.เชียงพิณ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 อุดรธานี ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook