ศาสตร์แห่งตับ รู้ไว้ ทำไม่ยาก สุขภาพดีแน่นอน

ศาสตร์แห่งตับ รู้ไว้ ทำไม่ยาก สุขภาพดีแน่นอน

ศาสตร์แห่งตับ รู้ไว้ ทำไม่ยาก สุขภาพดีแน่นอน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้หรือไม่ มนุษย์อาจสูญเสียอวัยวะบางอย่างได้ แต่ “ตับ” เป็นอวัยวะที่มนุษย์ไม่อาจขาดได้เลย เพราะตับเปรียบเหมือนโรงงานที่คอยขับเคลื่อนชีวิตของเรา ผ่านระบบการทำงาน ต่อไปนี้

การผลิต ตับจะเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต  ไขมัน โปรตีน วิตามิน ให้เป็นสารอาหารที่เหมาะกับการใช้ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

การเก็บสะสม ตับจะเก็บน้ำตาลกลูโคสในรูปของไกลโคเจนสะสมไว้ในตับ เมื่อร่างกายต้องการพลังงานก็จะเปลี่ยนไกลโคเจนกลับมาเป็นกลูโคส ส่งไปที่ต่างๆ ของร่างกาย

การทำลาย ตับทำหน้าที่ทำให้ของเสียหรือสารพิษต่างๆ หมดพิษหรือมีพิษน้อยลง ก่อนส่งไปขับออกทางปัสสาวะที่ไต หรือส่งออกไปทางน้ำดี ไปยังลำไส้

นอกจากนี้ตับยังคอยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศให้อยู่ในระดับพอเหมาะพอดี ไม่ให้เรามีความต้องการมากไปหรือน้อยไป

เมื่อเรามีบาดแผลเลือดออก ถ้าไม่มีตับที่ผลิต “โพรทรอมบิน” ทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่ม เลือดก็จะไหลเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดจนทำให้หัวใจหยุดทำงาน

ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่มาหยุดการทำงานโรงงานแห่งนี้ ย่อมส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างแน่นอน

เหล้าตัวบ่อนทำลายโรงงานของชีวิต

เมื่อดื่มเหล้าเข้าไป เซลล์ตับจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้กลายเป็น อะเซตตัลดีไฮด์ (acetaldehyde) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และเร่งเปลี่ยนให้กลายเป็นอะซิเตท ซึ่งจะกระจายไปตามกล้ามเนื้อและสมองเพื่อเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ มีหลักฐานงานวิจัยที่พบว่า อะเซตตัลดีไฮด์ยับยั้งการซ่อมดีเอ็นเอ หรือสารพันธุกรรมที่บาดเจ็บ ส่งผลให้เซลล์กลายพันธุ์ได้ง่ายและกลายเป็นเซลล์มะเร็ง

อะเซตตัลดีไฮด์ ยังทำให้เซลล์ตับบาดเจ็บ จนระบบเผาผลาญในตับเสียหาย รวมถึงเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ใช้น้ำตาลไม่ได้เต็มที่ ส่งผลต่อระบบเมตาโบลิซึ่มของไขมัน จนทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับมากขึ้นๆ  จนกลายเป็นเซลล์ไขมันขนาดใหญ่ ที่เบียดเซลล์ตับจนเซลล์ตับเริ่มบาดเจ็บ และเซลล์บางส่วนตายไปกลายเป็นพังผืด ซึ่งจะพัฒนาเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็ง

ข่าวดียังมี ตับมีโอกาสฟื้น ขอแค่...

โปรดตั้งใจอ่าน ยังมีความหวังสำหรับคนที่ต้องการเยียวยาและฟื้นฟูตับ เนื่องจากการแพทย์ระบุชัดเจนว่า ในระหว่างที่ตับได้รับผลกระทบ เรายังมีวิธีนำตับที่ดีกลับคืนมาได้ ดังนี้ หากอยู่ในระยะไขมันแทรกในตับ หรือ Fatty Liver เป็นระยะเริ่มต้นเจอได้บ่อยที่สุดในผู้ดื่มแอลกอฮอล์ โดยผู้ที่มีไขมันแทรกในตับจะมีเอนไซม์ตับผิดปกติประมาณ 50% ตับมีขนาดใหญ่ขึ้น มีผิวเรียบ แต่ถ้าผู้ป่วยหยุดดื่มแอลกอฮอล์ ตับจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้โดยการสร้าง “กลูตาไทโอน” ซึ่งเป็นกระบวนการในการฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองของตับให้กลับมาสดและมีสุขภาพที่ดีเหมือนเดิม

ระยะตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ เป็นช่วงที่เกิดต่อเนื่องจากไขมันเกาะตับ คนที่ยังไม่หยุดดื่ม เนื้อตับบางส่วนจะเริ่มไม่ทำงานเนื่องจากเซลล์ตับถูกทำลายและเกิดพังผืดภายในตับ มีเม็ดเลือดขาวปริมาณสูงขึ้น บางรายมีอาการเหลืองมาก ผู้ป่วยในระยะนี้ยังสามารถหยุดยั้งความเสียหายไม่ให้ลุกลามเพิ่มขึ้น ด้วยการหยุดดื่มเหล้า ช่วยให้ตับได้ฟื้นฟูจนค่าเอนไซม์กลับมาเป็นปกติ แถมพอได้พักตับ สารอาหารในตับก็ไหลเวียนไปใช้ในร่างกายได้มากขึ้น ตับบางส่วนที่ยังไม่เสียหายสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ

และสุดท้ายคือระยะภาวะตับแข็ง สำหรับคนที่ไม่ยอมกลับตัวกลับใจ ดันทุรังดื่มต่อจนตับอักเสบเป็นเวลานาน มีพังผืดคลุมจนทั่วตับ เซลล์ตับหยุดทำงาน ร่างกายจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ผอมลง น้ำหนักลด มีสารพิษคั่งในร่างกาย คันตามร่างกาย อาการตัวเหลืองตาเหลืองที่เรียกว่าดีซ่าน น้ำคั่งในท้อง ขาบวม เซลล์ตับกลายพันธุ์กลายเป็นมะเร็งตับ และตับที่ไม่สามารถทำลายสารพิษได้ จนต้องส่งสารพิษไปทิ้งที่ไต ส่งผลให้เกิดไตวายตามมาอีกด้วย

ทางที่ดี อย่าปล่อยให้ชีวิตเดินมาจนถึงทางตัน  รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มที่ทำร้ายตับ ด้วยการฉวยโอกาสดีช่วงเข้าพรรษา หันหลังให้ขวดเหล้า งดดื่มเพื่อฟื้นฟูตับ หรือใครที่อยากเลิกเหล้ายาวๆ  ลองโทร. ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา 1413 หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมที่  www.stopdrink.com

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook