จงภูมิใจเถิด ที่เกิดมากลายพันธุ์ เพราะฉันคือ “X-Men”

จงภูมิใจเถิด ที่เกิดมากลายพันธุ์ เพราะฉันคือ “X-Men”

จงภูมิใจเถิด ที่เกิดมากลายพันธุ์ เพราะฉันคือ “X-Men”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกคนคะ! เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความมั่นหน้าของกะเทย เพราะมันคือ Pride Month เทศกาลเฉลิมฉลองและการเรียกร้องสิทธิของชาวเพศหลากหลายทั่วโลก ชะละล่า ฉะนั้นในเมื่อคำว่า “Pride” มันแปลว่า “มั่น” ดังนั้นในช่วงนี้ เวลาเทยเดินเข้าห้างแล้วประตูอัตโนมัติเปิดเองต่อหน้า มือไม้มันก็ผายออก มโนว่าตัวเองมีพลังวิเศษใช้เปิดประตูเองได้ ประหนึ่งว่าเป็นมนุษย์พิเศษกว่าคนอื่นทั่วไป

และมันก็ประจวบเหมาะพอดีกับที่ตอนนี้ หนังมนุษย์พลังพิเศษ X-Men: Dark Phoenix ก็กำลังเข้าฉายอยู่ด้วย ซึ่งเทยก็พบว่าจริงๆ แล้ว ในโลกของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เนี่ย เขากำลังพยายามบอกเรื่องราวของชาวชนชายขอบอยู่มากเลยทีเดียว มาค่ะ เทยจะเมาท์ให้ฟัง

X-Men เป็นการ์ตูนที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Marvel Comics โดยผู้วาดและคิดเรื่องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณปู่สแตน ลี ที่เทยคิดว่าทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าพ่อปู่ก็จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อ ปลายปี 2018 อาลัยปู่นะคะ

สแตน ลีComicbookสแตน ลี

ตัวเนื้อเรื่องการ์ตูนดั้งเดิมก็พูดถึงการที่มีมนุษย์ที่มีพลังพิเศษขึ้นมา เช่น ไซคลอปส์ที่มีดวงตาเปล่งแสงได้ สตอร์ม นางพายุ เทพธิดาพยากรณ์อากาศได้ดั่งใจ หรือนางจีน เกรย์ สาวพลังจิตอ่านใจย้ายวัตถุต่างๆ โดยมนุษย์เหล่านี้เขาใช้คำเรียกว่า “Mutant” หรือ “มนุษย์กลายพันธุ์” นั่นเอง ส่วนคำว่า X-Men นั้น ก็คือคำที่ใช้เรียกเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่เลือกต่อสู้กับฝ่ายดีภายใต้การนำของ Professor X หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นคนของ X นั่นเองค่ะคุณขา

แต่ทีนี้ว่าถ้าคนมีพลังวิเศษสู้กันในสถานที่พิเศษแฟนตาซีไปเลย มันก็ไม่เท่าไหร่ถูกไหมคะ แต่เผอิญเนื้อเรื่องเขาก็ดันปูมาให้เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เนี่ย มีฉากหลังเป็นโลกมนุษย์ปกติ โลกมนุษย์ที่เราๆ ใช้ชีวิตอยู่นี่แหละค่ะ และด้วยความที่มันเป็นแบบนั้น โลกในเรื่องเลยถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง “มนุษย์ปกติ” และ “มนุษย์กลายพันธุ์” พอมันเป็นแบบนั้นแล้วเนี่ย เนื้อหาอันเข้มข้นของเรื่อง ก็เลยมาขยี้เอาประเด็นของความแตกต่างนี่แหละค่ะ และเมื่อ X-Men ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรก ในปี 2000 ประเด็นเรื่องการต่อสู้กันเพื่อหาจุดยืน จุดมั่นของคนที่แตกต่างกัน มันก็เริ่มมาเรื่อยเลย

X-Men เวอร์ชั่นปี 2000ireckonthatX-Men เวอร์ชั่นปี 2000

แน่นอนค่ะ ถึงแม้ว่าพวก X-Men นางจะเป็นคนมีพลังพิเศษ ระเบิดแหก แตกเป็นแตกได้หมดอย่างไร เมื่อเขายังต้องใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ปกติ ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ถูก “หวาดกลัว” และโธ่ถัง เมื่อมีความกลัว มันก็เกิดความเกลียด ความเกลียดก็ก่อสงครามและการหยามเหยียด สาธุ!

ดังนั้นเหล่ามนุษย์ที่ “ไม่ปกติ” ตามคำนิยามของเหล่าคน “ปกติ” บ้างก็ต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ กลายเป็นทาส กลายเป็นเครื่องมือ กลายเป็นอาวุธ และถูกปฏิบัติเหมือนพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่ละตัวละครในเรื่องนี้ไม่ว่าจะในเวอร์ชั่นการ์ตูนหรือภาพยนตร์ หลายตัวก็มีเรื่องราวบาดแผลที่ได้จากมนุษย์ปกติ ชนิดที่ดาวพระศุกร์ทุกข์ระทมไม่แพ้ละครช่องบ้านเราเลยค่ะ จะมีก็เพียงฝั่งทีมของชาร์ลส์ ซาเวียร์ หรือ Professor X นั่นแหละค่ะ ที่พอจะ “ประนีประนอม” กับมนุษย์ได้ และเขาก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่เป็นนักรณรงค์พัฒนา ถึงขั้นเปิดโรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์

ผิดกับฝั่งตัวร้ายอย่าง อีริค หรือ แมกนิโต้ เด็กชายพลังพิเศษที่สามารถควบคุมโลหะได้ทุกอย่าง ฮีรอดตายมาจากค่ายกักกันนาซีตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื้อเรื่องฮีมาแบบนี้ จึงไม่แปลกเลยที่ชีวิตของฮีทุกข์ระทม ขมปานผิวมะระขี้นก ต่างจากชาร์ลส์เพื่อนของฮี ที่โตมาในครอบครัวชนชั้นสูงอันอบอุ่นฟุ้งเฟ้อ เมื่อที่มาต่างกัน ผลกระทบที่ทั้งคู่ได้รับจากมนุษย์จึงต่างกัน คนนึงก็โลกสวยใสเซเลอร์มูนสไตล์ เชื่อว่ามนุษย์เขามีความดี แต่อีกฝั่งก็บอกว่าอย่ามาจ้อจี้ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์แห่งความเกลียด ฉันจะฟาดๆๆ ไม่ยั้ง

แมกนีโตวัยเด็กในค่ายกักกันนาซี จาก X-Men First ClassTodd Alcottแมกนีโตวัยเด็กในค่ายกักกันนาซี จาก X-Men First Class

เนื้อเรื่องของ X-Men ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน จะแอคชั่นมากหรือน้อย เนื้อเรื่องก็เริ่มมีการสอดแทรกประเด็นของคนชายขอบเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ก็แหม โครงหลักของมันมาแบบนั้นนี่เนอะ จึงไม่แปลกเลยค่ะ ที่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคของการเรียกร้องสิทธิของคนชายขอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนผิวสี สิทธิสตรี และแน่นอนชาวเพศหลากหลาย LGBT อย่างที่หลายๆ คนคงทราบ หนังเรื่อง X-Men ก็เลยกลายเป็นตัวแทนเนื้อหาที่น่าสนใจของการต่อสู้ของคนชายขอบเหล่านี้

“Be mutant and proud” หรือ “จงภูมิใจที่กลายพันธุ์” วลีเด็ดที่มาจาก X-Men First Class ในปี 2011 ก็ยิ่งตอกย้ำยุคของการเรียกร้องสิทธิของคนที่เคยถูกตราหน้าว่าแปลกประหลาดขึ้นมา โดยตัวหนังได้เปลี่ยนมาโฟกัสที่ตัวละคร เรเวน หรือ มิสทีค มนุษย์กลายพันธุ์ที่สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ เพศไหน สีผิวไหน สูงต่ำดำขาว ชนชาติอะไร ชีเปลี่ยนร่างไปเป็นเขาได้หมด ช่างเป็นตัวแทนของเพศลื่นไหล Non-Binary เอามากๆ เลยค่ะคู๊ณ แล้วพลังนางก็แซ่บ มีความกลมกล่อมแบบมนุษย์ปกติธรรมดาทั่วไป ไม่ดีเกินไป แล้วก็ไม่ได้ร้ายจนสุดโต่ง รวมถึงในภาค Days of Future Past ที่นางก็ได้มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ดีกว่า ท่ามกลางข้อขัดแย้งและกรณีพิพาทระหว่างมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์ โดยเนื้อเรื่องในช่วงนั้น ถูกปูให้อยู่ในช่วงสงครามเวียดนามในปี 1973


มิสทีค ตัวแทนแห่งเพศลื่นไหล หรือ Non-binaryGeeksมิสทีค ตัวแทนแห่งเพศลื่นไหล หรือ Non-binary

แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ X-Men พยายามพูด มันจะเป็นการสอดไส้ แทงกลางปล้อง แหมหล่อน แสร้งว่าทำมาเป็นเอาใจโลกสมัยใหม่ ที่เขากำลังพยายามเชิดชูสิทธิเพศหลากหลายหรือเปล่า ที่ทำคือไม่อยากตกรถไฟล่ะเส่ะ ดูออกไหม แต่จะว่าอย่างนั้นไปก็ไม่ได้อีกค่ะ เพราะถ้าเราย้อนกลับไปดูต้นฉบับ X-Men ใน Comic ดั้งเดิมตามจักรวาลหลักแล้วเนี่ย ก็ปรากฏว่า มีฮีโร่ในจักรวาล X-Men ที่เป็นเพศหลากหลายด้วยนะเออ

เทยขอยกตัวละครกรุบๆ จากจักรวาล X-Men ที่เปิดตัวว่าเป็นชาว LGBT มาให้พอฟินกันเบาๆ เริ่มจากพ่อหนุ่ม Iceman มนุษย์น้ำแข็งที่ปรากฏตัวมาตลอดทั้งภาคการ์ตูน ภาพยนตร์แทบจะทุกภาค และโถโอละพ่อ ตามต้นฉบับดั้งเดิม ฮีผิดหวังจากความรักมาเรื่อยเลย ฮีก็เลยบอกเฉย ว่าฮีอาจจะเป็นไบ หรือเกย์เลยค่ะ

Iceman เวอร์ชั่นการ์ตูนBeauty HunterIceman เวอร์ชั่นการ์ตูน

หรือเอาให้เข้มกว่านั้นไปอีก คู่อมตะประจำเรื่องนี้ อย่าง พ่อ Deadpool สุดฮาร์ดคอร์เนี่ย ฮีก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่าตัวฮีนั้นเป็น Bisexual เจ้าค่ะ และที่พีคไปกว่านั้นก็คือ คู่ขาประจำที่ฮีชอบไปแอ๊วเอินเป็นประจำก็คือ เจ้าหนูปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ หรือ Spider-Man นั่นเอง โดยที่เราจะเห็นอาร์ตเวิร์คที่มีสองตัวละครนี้อยู่ด้วยกันประจำอยู่เรื่อย

Screenrant

แอร๊ยยยยย ชวนจิกหมอนเว่อร์ แต่เผื่อใครจะงง Deadpool เป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกรวมเข้ามาในจักรวาล X-Men ด้วยค่ะ ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็ด้วย ซึ่ง Deadpool ปรากฏตัวใน X-Men มาแล้วครั้งนึง ใน The Wolverine Origins

แน่นอนค่ะ เลสเบี้ยนก็มีนะคะ อย่างเช่น Sage และ Storm ที่ก็มีโมเมนต์โรแมนติกต่อกันอยู่เนืองๆ เลยค่ะ

ant68wsla

แต่ก็นะคะ ในฉบับภาพยนตร์ก็ยังไม่มีตัวละคร LGBT ปรากฏในหนังซูเปอร์ฮีโร่เลยแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะค่ายไหน จักรวาลไหนเลยล่ะค่ะ แต่ทว่าก็มีข่าวล่าข่าวลือ ว่าหลังจากปีนี้เป็นต้นไป ทาง Marvel นางก็แจ้งว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่จะมีตัวละคร LGBT เข้ามาเพิ่มด้วย

ฉะนั้นชาวธงรุ้งก็รอติดตามกันต่อไปนะคะ

ล่วงเลยมาจนถึงภาคล่าสุดที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้อย่าง X-Men: Dark Phoenix ที่กล่าวถึงตัวละคร จีน เกรย์ ที่เธอดันกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีพลังมากเกินไปจนควบคุมไม่ได้ จนกลายเป็นที่หวาดกลัวของทั้งมนุษย์ปกติและมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง ซึ่งเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร เทยก็คงขอให้ทุกคนไปติดตามกันในโรงภาพยนตร์

Star2

แต่ภาคนี้ ดูเหมือนจะเป็นการตอกย้ำว่า ทุกคนล้วนมีด้านดีและด้านเสีย ดังนั้น เราจะสามารถยอมรับตัวตนของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ก็มีข้อเสียไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์คนอื่นๆ ปกติทั่วไปได้หรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรจากการเรียกร้องของ LGBT ชาวเพศหลากหลายเลยนะคะเทยว่า

เพราะจะเพศไหน เราทุกคนก็คือมนุษย์อ่ะค่ะ จะดีจะร้ายอย่างไร ก็ตัดสินกันที่การกระทำ ไม่ใช่ปัดให้ใครไปเป็นชนชั้นรองของใคร กะเทยนะคะ ไม่ใช่พรมเช็ดเท้า แหม๊!!!!

อย่างไรเทยก็ขอใช้พลังวิเศษของเทย เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศในสังคมต่อไปนะคะ ใครขวาง เทยจะกลายร่างเป็นนางฟินิกซ์ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

เหยี่ยวเทย รายงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook