จับอาการ “รัฐบาล 500 (เสียง)” ส่อแววอายุสั้น?

จับอาการ “รัฐบาล 500 (เสียง)” ส่อแววอายุสั้น?

จับอาการ “รัฐบาล 500 (เสียง)” ส่อแววอายุสั้น?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้จะผ่านมาได้ด้วยเสียง 500 จนถูกประทับตรา “รัฐบาล 500 (เสียง)” แทนที่จะเป็น 501 เพราะ “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นโหวตสวนมติพรรคด้วยเหตุไม่อาจฝืนความต้องการของประชาชน เลยขอ “งดออกเสียง” ซะงั้น โดยที่ “เสี่ยหนู” ก็ไม่ได้ว่าอะไร ราวกับจะเป็นนัยของ “หนังตัวอย่าง” ไปถึง “ดีล” ที่ยังไม่ “ลงตัว” ทำท่าจะเกิดเหตุ “ดึงอ้อยจากปากช้าง” ล้มดีลที่คุยกันมา

เพราะจากที่เป็นแค่กระแส ก็ปรากฏว่าบรรดากลุ่มการเมืองใหญ่น้อยที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 กลุ่ม รวมทั้ง “กลุ่มสามมิตร” ในพรรคพลังประชารัฐที่ “สุริยะ-สมศักดิ์” เริ่มออกมาส่ง “สัญญาณ” จริงจังในการมีส่วนร่วมในโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี และขอให้เอา “เก้าอี้เกรดเอ” คืนมาจาก 2 พรรค คือ ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย โดย “สมศักดิ์” ถึงขั้นยืนกรานว่าพรรคพลังประชารัฐต้องได้คุมกระทรวงเกษตรฯ ขณะที่แกนนำก็ส่งสัญญาณย้ำว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะเป็นคนสรุปคนสุดท้ายในการวางตัวรัฐมนตรี โดยตั้งไทม์ไลน์ไว้ว่าการตั้งรัฐบาลต้องจบไม่เกิน 13 มิ.ย. เพื่อให้ทันการประชุมสุดยอดอาเซียนในวันที่ 22 มิ.ย.นี้

หลังการพูดคุยกันเองของแกนนำพลังประชารัฐ จะมีการส่งโผเก้าอี้ที่ลงตัวแล้วให้ “พล.อ.ประยุทธ์” พิจารณา ส่วนเก้าอี้ที่ยังต้องคุยกับพรรคร่วมหากเจรจาไม่ลงตัว ทางพลังประชารัฐก็จะให้สิทธิ์ขาด “พล.อ.ประยุทธ์” พิจารณา โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเออย่าง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น มีรายงานว่า “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีมองว่าหากกระทรวงเหล่านี้ไม่อยู่กับพลังประชารัฐอาจทำงานไม่ได้ รวมถึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ “นายสมคิด” ตัดสินใจจะไม่ไปต่อ

ที่ยกมาข้างต้นเป็นเพียงแค่ด่านแรกในการจัดองคาพยพตัวเองของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ภาค 2 แบบ “แบ่งสมบัติ” ที่ยากจะลงตัวเพราะน้อยกว่าคนขอแบ่ง ที่แน่นอนย่อมจบลงที่ร่องรอยของความไม่พอใจแต่ต้องจำยอมไปก่อนของบางพรรคบางกลุ่ม

แต่ถัดไปจากนี้ยังมีโจทย์ยากรออยู่อันสัมพันธ์กับการจัดการแบ่งสมบัติ “รัฐบาล 500 (เสียง)” ข้างต้น คือ เรื่องจำนวนเสียง ส.ส. ที่สนับสนุนรัฐบาลใหม่ซึ่งมีเพียง 251 เสียงเท่านั้น และมีเสียง ส.ส. ฝ่ายค้าน 245 เสียง เมื่อประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 3 ท่านต้องงดออกเสียงตามประเพณีปฏิบัติ เท่ากับฝั่งรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านเพียง 5 เสียงเท่านั้นซึ่งอันตรายมีโอกาสถูกคว่ำได้ตลอด โดยกรณี “หนังตัวอย่าง” ก็เกิดขึ้นให้เห็นกันไปแล้ว

ขณะเดียวกันปมความหลากหลายของนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐและการที่ “ประธานสภา” อยู่ในมือของประชาธิปัตย์ก็อันตรายเช่นกัน หากผลการ “แบ่งสมบัติ” ข้างต้นเกิดการกินใจ และ/หรือถัดไปจากนั้นเกิดปมการตรวจสอบปัญหาการทุจริตก็มีโอกาสจะคุมยากและย่อมเกิดอาการกินใจของ “คนกันเอง” เช่นกัน

ที่สำคัญพลันเมื่อ ครม.ใหม่ เข้าทำหน้าที่ เป็นเหตุให้อำนาจ คสช. คลายลงเมื่อใด ก็ยังไม่มีหลักประกันว่าแรงกระเพื่อมจากภายนอกสภาที่จะเกิดขึ้นเป็น “ตัวแปร” กับแรงเสียดทาน “ภายใน” มีมากน้อยเพียงใด และถึงเวลานั้น “นายกฯ ลุงตู่” ยังจะมีน้ำหนักกับ “คนกันเอง” หรือไม่ ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของการคาดการณ์จากบรรดา “เกจิการเมือง” ว่ารัฐบาลใหม่อาจจะอายุสั้นกว่าที่คิดหรือไม่?

>> ดีลยื้อตั้งรัฐบาล รอ "บิ๊กตู่" เคาะ

>> เกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรียังไม่นิ่ง! เปิดลิสต์กระทรวงดึงกลับ-แลกแถมพ่วงอุตลุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook