เรือบรรทุกแก๊สชนเรือประมง จมดิ่งกลางทะเลตราด ไต๋เรือสังเวยชีวิต

เรือบรรทุกแก๊สชนเรือประมง จมกลางทะเลตราด ไต๋ดับ ลูกเรือลอยคอในทะเล 7 คนกองทัพเรือส่ง เรือ ต.99 และเรือประมงเข้าช่วยเหลือ

พลเรือโท บรรจบ โพธิ์แดง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจาก ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ว่า มีเรือประมงชื่อเรือ ล.โชคประเสริฐ ทะเบียนเรือ 272403404 ถูก เรือบรรทุกแก๊ส เอ็มทีบางประกง ซึ่งเป็นเรือเหล็กขนาดใหญ่ ชนจมลงในน่านน้ำตราด บริเวณพื้นที่ Lat 11° 57.2’N Long 102° 07.7’E ห่างจากเกาะช้าง จังหวัดตราด ประมาณ 7.5 ไมล์ทะเล หลังจากได้รับแจ้งเหตุ จึงได้ประสานไปยัง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด 

โดยหมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ได้สั่งการให้เรือตรวจการณ์ 99 (ต.99) ซึ่งปฏิบัติราชการอยู่ในทะเลบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ และเรือประมง เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เบื้องต้นเรือประมงที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวลาว 7 คน และไต๋เรือ คนไทย ที่ลอยคออยู่ในทะเลได้ทั้งหมด รวม 8 คน นำขึ้นเรือประมง แต่ไต๋เรือได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ได้พยายามปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตไว้ แต่ไม่สามารถช่วยได้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการสอบถาม จ่าเอกเอกปัญญา ซึ่งเป็นกัปตันเรือบรรทุกแก๊ส เอ็มทีบางประกง ซึ่งเป็นเรือเหล็กขนาดใหญ่ที่ชนเรือประมงจมในครั้งนี้ทราบว่า ได้นำเรือบรรทุกแก๊สเปล่า เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม เพื่อเดินทางมาเข้าจอดที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยถือเข็มอัตโนมัติมาตามร่องน้ำตามปกติ แต่ในขณะมาถึงที่เกิดเหตุนั้น มองไม่เห็นเรือประมงที่ทำการประมงอยู่ดังกล่าว เนื่องจากหัวเรือเชิดสูงและเรือมีขนาดใหญ่ ยาวกว่า 100 เมตร จึงพุ่งเข้าชนเรือประมงอย่างจัง กระทั่งจมลง

จากนั้นจึงได้สั่งหยุดเรือและเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยวนเรือกลับมาที่เกิดเหตุแต่เนื่องจากเรือมีขนาดใหญ่ ใช้เวลาพอสมควรในการย้อนกลับมา พบเห็นว่าเรือกำลังจะจมลงโดยมีเรือประมงที่อยู่ใกล้เคียง ได้เข้าให้การช่วยเหลือ จากนั้นได้รายงานให้ทางบริษัทต้นสังกัดได้รับทราบ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ล่าสุดเรือ ต.99 ได้นำลูกเรือกลับมาส่งที่ท่าเรือ จ.ตราด เรียบร้อยแล้ว ส่วนไต๋เรือที่เสียชีวิตได้นำศพไปไว้ที่ โรงพยาบาลบางเบ้า อำเภอเกาะช้าง เพื่อชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้นเป็นลำดับต่อไป สำหรับเรือแก๊สต้นเหตุขณะนี้ยังคงให้จอดทอดสมออยู่ ณ บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุเพื่อดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป