แอลจีเรียประท้วงใหญ่ เมื่อผู้นำวัย 82 ดึงดันสืบทอดอำนาจสมัยที่ 5 แม้ป่วยนั่งรถเข็น

แอลจีเรียประท้วงใหญ่ เมื่อผู้นำวัย 82 ดึงดันสืบทอดอำนาจสมัยที่ 5 แม้ป่วยนั่งรถเข็น

แอลจีเรียประท้วงใหญ่ เมื่อผู้นำวัย 82 ดึงดันสืบทอดอำนาจสมัยที่ 5 แม้ป่วยนั่งรถเข็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แอลจีเรีย มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของทวีป และเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา มีอาณาเขตทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศตูนิเซีย ทางตะวันออกติดกับประเทศลิเบีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับประเทศไนเจอร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศมาลีและประเทศมอริเตเนีย และทางตะวันตกจรดประเทศโมร็อกโก โดยมีกรุงแอลเจียร์เป็นเมืองหลวง 

ประเทศแอลจีเรียมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐ ประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายเบอร์เบอร์ (แขกขาว) นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี เปิดรับภาษาและวัฒนธรรมอาหรับมาอย่างมาก สินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแอลจีเรียเป็นประเทศที่มีก๊าซธรรมชาติสำรองมากเป็นอันดับที่ 5 และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่เป็นอันดับที่ 4 รวมทั้งมีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับที่ 14 ของโลก

เมืองที่มีความสำคัญของประเทศ ได้แก่ เมืองโอราน เมืองชายฝั่งแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมและศูนย์กลางการศึกษาของแอลจีเรีย และเมืองคอนสแตนติน เมืองแห่งศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องหนังฟอก

แอลจีเรียตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสร่วม 130 ปี และฝรั่งเศสปกครองเหมือนจังหวัดหนึ่งของฝรั่งเศส เนื่องจากแอลจีเรียตั้งอยู่ใกล้กับฝรั่งเศสมากมีเพียงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนคั่นอยู่เท่านั้น โดยมีชาวฝรั่งเศสอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแอลจีเรียเป็นจำนวนมาก แต่ชาวแอลจีเรียไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส จึงทำการกบฏที่นองเลือดและยาวนานจนในที่สุดก็ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2505

ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียง 4 ปีได้มีการค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปริมาณมหาศาล ทำให้รัฐเอกราชใหม่แอลจีเรียร่ำรวยและมีเงินส่งเสริมการปกครองแบบสังคมนิยมเผด็จการร่วม 20 ปี จนกระทั่งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกต่ำในปี พ.ศ. 2529 ทำให้เกิดเศรษฐกิจดิ่งลงเหวจนเกิดสงครามกลางเมืองที่ยืดยื้อยาวนานถึง 13 ปี จนทำให้นายอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2542 สงครามกลางเมืองจึงสงบลง โดยประธานาธิบดีอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกาได้ชื่อว่าเป็นผู้นำสันติภาพมาสู่แอลจีเรียทำให้นายอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีถึง 4 สมัย

ในปี พ.ศ. 2556 นายอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกามีอาการเส้นเลือดในสมองแตกอย่างฉียบพลัน ถึงแม้จะได้รับการรักษาเป็นเป็นอย่างดี นายอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกาก็ต้องนั่งรถเข็นอยู่และไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้ประชาชนแอลจีเรียส่วนใหญ่มองว่าผู้นำในวัย 82 ปีรายนี้ไม่มีความเหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศอีกต่อไป แต่ปรากฏว่านายอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกาประกาศว่าเขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกเป็นสมัยที่ 5 ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

algeria-presidentAFPประธานาธิบดีอับเดลอาซิซ บูเตฟลิกา แห่งแอลจีเรีย

นั่นแหละครับจึงเกิดการประท้วงครั้งใหญ่โดยประชาชนเพื่อต่อต้านประธานาธิบดี อับเดลอาซิซ บูเตฟลิกา ที่ยังพยายามที่จะเป็นผู้นำต่อในสมัยที่ 5 เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บร่วม 183 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คนเป็นลูกชายนายกรัฐมนตรีแอลจีเรียคนแรกหลังได้รับเอกราช 

หลังจากเห็นชาวแอลจีเรียออกมาประท้วงอย่างต่อเนื่อง ประธานาธิบดี อับเดลอาซิซ บูเตฟลิกา จึงออกมาประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มีนาคมว่า เขาขอถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ประกาศเลื่อนการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในเดือนเมษายนออกไปก่อน โดยระบุว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นหลังจากจัดประชุมการเมืองแห่งชาติและมีการปฏิรูปรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อย (ซึ่งคาดว่าจะกินเวลาถึงปลายปีนี้)

algeria-protest-1AFPชาวแอลจีเรียออกมาประท้วงการสืบทอดอำนาจกลางเมืองหลวง

ทำให้นักวิเคราะห์การเมืองรวมทั้งผู้ชุมนุมประท้วงมองว่า อับเดลอาซิซ บูเตฟลิกา ตัดสินใจแบบนั้นเพียงเพราะต้องการซื้อเวลาอยู่ในอำนาจออกไปนั่นเอง ล่าสุดในวันนี้ (19 มี.ค.) ประธานาธิบดี อับเดลอาซิซ บูเตฟลิกา ออกมายืนยันอีกครั้งว่าเขายังคงต้องการนั่งเป็นผู้นำประเทศต่อไปแม้วาระการดำรงตำแหน่งจะหมดลงในเดือนหน้าแล้วก็ตาม ท่ามกลางชาวแอลจีเรียออกมาประท้วงกลางกรุงแอลเจียร์เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจเป็นสมัยที่ 5 ของเขาหลายหมื่นคน

ดูเหมือนว่าอำนาจทางการเมืองจะเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาที่ไม่สามารถปล่อยวางได้แม้จะมีอายุอานามเข้าไปถึง 82 ปีแล้วก็ตาม แถมยังเดินไม่ได้ซะอีกด้วย!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook