ทำความรู้จักเทคนิคใหม่การรักษามะเร็ง ต่อความหวังเพิ่มกำลังใจให้ผู้ป่วย

ขึ้นชื่อว่า มะเร็ง ทุกคนคงไม่อยากทำความรู้จักกับโรคนี้ แต่หากร่างกายของเราเกิดผิดปกติและได้เพื่อนใหม่คือ มะเร็ง มาแบบไม่ได้รับเชิญ ความท้อแท้ความสิ้นหวังหมดกำลังใจในการรักษาอาจเกิดกับบางคนและบางครอบครัว แต่เพราะโลกยังไม่หยุดหมุนสิ่งใหม่ๆ จึงเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เช่นเดียวกับนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ถูกคิดค้นเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ อาจะเรียกว่าเป็นการช่วยพลิกฟื้นคืนความหวังให้กับผู้ป่วยมะเร็งก็ว่าได้

ทางทีมข่าว Sanook! News มีโอกาสได้เดินทางไปชมเทคนิครักษามะเร็งรูปแบบใหม่ ณ โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว สแตมฟอร์ด เมืองกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับข้อมูลทางการแพทย์จากโรงพยาบาลมาว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มารักษานั้นเป็นมะเร็งระยะกลางและมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้บรรยายให้ทราบถึงเทคนิคต่างๆ ในการรักษาโรคมะเร็งไว้อย่างเป็นประโยชน์มาก

 เทคนิคการรักษามะเร็งแบบเฉพาะจุด

เทคนิคการรักษาแบบเฉพาะจุด เป็นแนวทางการรักษาที่ผู้ป่วยจะได้รับผลข้างเคียงที่ต่ำด้วยการให้ยาผ่านทางสายยางส่งต่อไปยังก้อนมะเร็งโดยตรง โดยการใช้เครื่อง DSA นำทาง จากนั้นตัวยาจะวิ่งแล้วสวนเข้าไปในก้อนมะเร็งรวมถึงใส่ยาอุดหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงก้อนมะเร็งด้วย หากเปรียบเทียบกับการทำคีโมทั่วไปที่ให้ยาผ่านเส้นเลือดดำ ความเข้มข้นของยาจะสูงกว่า 2-8 เท่า และสามารถอุดเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็งได้ วิธีนี้จะทำให้ก้อนมะเร็งขาดออกซิเจน 

 นายแพทย์เผิง เสี่ยว ซื่อ หัวหน้าทีมแพทย์ด้านการรักษามะเร็ง

ด้าน นายแพทย์เผิง เสี่ยวซื่อ หัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็ง ได้เปิดเผยถึงจุดเด่นของคีโมเฉพาะจุดคือ เทคนิคดังกล่าวผู้ป่วยจะมีบาดแผลแค่ประมาณ 2 มิลลิเมตรเท่านั้น เป็นเทคนิคการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง เป็นการใช้ยาเฉพาะจุดที่มีผลข้างเคียงต่ำและเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย มีผลกระทบน้อยมาก ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูร่างกายได้เร็ว

ตามด้วยความรู้การรักษาโรคมะเร็งด้วย เทคนิคการใช้ความเย็น ซึ่งจุดเด่นของการรักษานี้คือ ผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัด ก้อนมะเร็งถูกทำลายได้อย่างแม่นยำ เพราะเทคนิคนี้คือการนำความเย็นไปทำลายก้อนมะเร็ง ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า มีดฮีเลียมอาร์กอน เป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำการรักษาด้วยความเย็นต่ำและความร้อนในเวลาเดียวกัน

นวัตกรรม มีดฮีเลียมอาร์กอน

เมื่อหัวเข็มปล่อยก๊าซอาร์กอนอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิเนื้อเยื่อของก้อนมะเร็งติดลบถึง 120 ℃ - 165 ℃ ภายใน 10 วินาทีจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เมื่อเนื้อเยื่อที่อยู่ในก้อนน้ำแข็งอยู่ในสภาพอุณหภูมิที่ติดลบถึง 165 ℃ ก็จะขาดเลือดกับออกซิเจน เซลล์มะเร็งจะแข็งตัวตายไป หลังจากนั้นหัวเข็มจะปล่อยก๊าซฮีเลียมออกมาอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิของก้อนมะเร็งจะสูงถึง 20℃ - 40℃ ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เซลล์มะเร็งตายลง และในที่สุดก้อนมะเร็งก็จะค่อยๆ ฝ่อตัวลงไป ซึ่งการขับออกของร่างกาย ซึ่งการขับก้อนมะเร็งที่ฝ่อออกจากร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนใช้ระยะเวลาแค่ 1-2 เดือน บางคนใช้เวลาครึ่งปี  

ซึ่งเทคนิคการรักษาต่างๆ ทางโรงพยาบาลให้ข้อมูลไว้ว่ามีทั้งหมดมากกว่า 20 วิธีด้วยกันบนแนวทางการรักษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคมะเร็งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI จากประเทศสหรัฐอเมริกา 

นุ่น รมิดา ในบทบาทของอาสาสมัครต่อต้านโรคมะเร็ง

และการเดินทางไปเยี่ยมชมนวัตกรรมทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว สแตมฟอร์ด ครั้งนี้ ทีมข่าว Sanook! News มีโอกาสได้พูดคุยกับนักแสดงสาวนุ่น รมิดา ประภาสโนบล ซึ่งเราเพิ่งได้รู้ว่าเธอเป็นอาสาสมัครต่อต้านโรคมะเร็งให้กับทางโรงพยาบาล

โดย นุ่น ได้เล่าถึงที่มาของบทบาทนี้ว่า "เริ่มจากคุณแม่นุ่นป่วยและนุ่นเริ่มหาข้อมูล เริ่มหาทางรักษาหาทางออกให้กับครอบครัว โดยการลองให้คุณแม่มารักษาที่นี่ (โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว สแตมฟอร์ด) จนได้มารักษาทำให้เราได้เห็นภาพของคนไทยเดินทางมารักษาที่นี่เยอะ เหตุผลเดียวกันคืออยากลองทางเลือกใหม่ๆ" 

"การที่เป็นอาสาสมัครของนุ่นคือเราไม่ได้ไปบอกใครต่อใครว่าที่นี่รักษาดีอย่างนั้นอย่างนี้นะคะ เรื่องรักษาเป็นเรื่องของคุณหมอกับทางโรงพยาบาล แต่ในบทบาทที่นุ่นมาทำงานเป็นอาสาสมัครนั้น เพราะเราเข้าใจในมุมของผู้ป่วยและมุมของญาติผู้ป่วย ไม่มีใครสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราได้เห็นภาพต่างๆ เลยรู้สึกว่าเราพอจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า เลยจัดตั้งกลุ่มการสื่อสารกันในกลุ่มคนไทยให้เป็นเหมือนครอบครัว เราอยากทำให้ทุกคนมีความสุขเหมือนอยู่กันเป็นบ้าน นในบทบาทนุ่นคือทำหน้าที่ดูแลทางด้านจิตใจค่ะ" 

"กับการเป็นอาสาสมัครให้กำลังใจผู้ป่วยนุ่นทำมาได้ประมาณ 3-4 เดือน ทุกครั้งที่นุ่นเดินทางมาเยี่ยมคุณแม่ นุ่นจะมาให้กำลังใจแวะเวียนหาคนไทยด้วยการไปพูดคุยตามห้องต่างๆ และจะกันแชร์กันเรื่องของอาหารการกิน ภาพที่นุ่นเห็นคือผู้ป่วยเขาก็จะให้กำลังใจกันเอง ญาติผู้ป่วยก็เป็นเหมือนอาสาสมัครไปด้วยเหมือนกัน"

"สิ่งหนึ่งที่นุ่นคิดว่าสำคัญมากๆ นั่นคือเราต้องสร้างกำลังใจของตัวเองขึ้นก่อน เราต้องอยู่อย่างมีความหวังทุกวัน ถ้าเรามีความหวังเราจะรู้สึกว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไร พรุ่งนี้เราจะต้องไม่ตาย ไม่ได้สำคัญว่ารักษาแบบไหนวิธีไหน สำคัญแค่ตัวเราเองรักษาใจของเราเองอย่างไร ร่างกายเราบอบช้ำจริงแต่จิตใจเราห้ามบอบช้ำเด็ดขาด เราต้องสร้างภูมิคุ้มให้กับชีวิตและความรู้สึกว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอถ้าเราเปิดใจ

"นุ่นจะพูดอยู่เสมอว่าทุกอย่างมีหวังเสมอ บางครั้งสิ่งต่างๆ เราเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว ยาที่ดีที่สุดคือกำลังใจของตัวเอง ตราบใดที่ร่างกายมีความกำลังใจ ระหว่างทางเราไปได้ง่าย การรักษาก็เหมือนกับน้ำดื่มในตลาดมีหลากหลายยี่ห้อ อยู่ที่ตัดสินใจแค่เป็นทางเลือกใหม่เท่านั้น"