"นุชี่ อนุชา" ผู้กำกับรางวัลสุพรรณหงส์ โพสต์แจงหลังปล่อยวาทะเด็ดบนเวที

"นุชี่ อนุชา" ผู้กำกับรางวัลสุพรรณหงส์ โพสต์แจงหลังปล่อยวาทะเด็ดบนเวที

"นุชี่ อนุชา" ผู้กำกับรางวัลสุพรรณหงส์ โพสต์แจงหลังปล่อยวาทะเด็ดบนเวที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"นุชี่ อนุชา บุญยวรรธนะ" ผู้กำกับหนัง "มะลิลา" โพสต์เคลื่อนไหวและชี้แจง หลังปล่อยวาทกรรมเด็ดบนเวทีรางวัลสุพรรณหงส์ ยอมรับว่าตื่นเต้นและพูดออกไปไม่ค่อยรู้เรื่อง

กลายเป็นวาทกรรมเด็ดของเวทีประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับเจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมคนล่าสุด "นุชี่ อนุชา บุญยวรรธนะ" จากผลงาน "มะลิลา" ที่คว้ารางวัลไปถึง 7 รางวัล รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย

แต่การกล่าวคำขอบคุณบนเวทีของผู้กำกับไฟแรง นุชี่ อนุชา ทำให้การเป็นประเด็นทั้งในวงการภาพยนตร์และการเมือง เนื่องจากมีการพูดเหน็บแนมรัฐบาล เกี่ยวกับการสนับสนุนวงการภาพยนตร์ไทย ที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร ซึ่งเป็นการกล่าวต่อหน้า "นายวิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ในงานประกาศรางวัลดังกล่าว

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากเจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ปีนี้ "นุชี่ อนุชา" ได้โพสต์ถึงบรรยากาศตอนรับรางวัล พร้อมกับยอมรับว่าตื่นเวทีและตื่นใจกับรางวัลที่ได้รับ ทำให้คำกล่าวขอบคุณของเธอกลายเป็นเช่นนั้น อีกทั้งยังกล่าวขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมที่ไม่ได้มีโอกาสได้กล่าวขอบคุณบนเวที

>> ผลรางวัล “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28” มะลิลา คว้า 7 สาขา, เวียร์-ญาญ่า ได้นักแสดงนำ

"ภาพยนตร์เรื่อง มะลิลา ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรางวัลอื่นๆ อีก 7 รางวัล นุชี่อยากขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่น้องในวงการภาพยนตร์ไทยมากๆ ที่ให้การยอมรับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างดีค่ะ #เกินคาดมากๆ ค่ะ เมื่อได้มีโอกาสขึ้นไปพูดขอบคุณบนเวที นุชี่รู้สึกตื่นเต้นมาก พูดข้าพเจ้าสลับกับดิฉันมั่วไปหมด #ตื่นเต้นจริงค่ะ แต่เมื่ออยู่บนเวทีได้เห็นเพื่อนๆ พี่น้องในวงการภาพยนตร์นั่งอยู่รวมกัน ก็รับรู้ได้ถึงพลังในการต่อสู้เพื่อภาพยนตร์ไทย แต่ละท่านต่างมีวิถีทางของตัวเองในการที่จะสร้างสรรค์งานเพื่อขับเคลื่อนวงการ และเชื่อว่าทุกคนต้องผ่านเส้นทางอันยากลำบากกว่าที่จะผลงานภาพยนตร์ออกสู่สายตาประชาชนได้

ในนาทีนั้นเมื่อมีโอกาสได้มายืนในจุดที่สามารถบอกกับภาครัฐและสังคมได้ นุชี่รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนหนึ่ง ที่จะต้องพูดอะไรบางอย่างเพื่อสะท้อนความเป็นจริงให้ภาครัฐและสังคมไทยหันมาสนับสนุนภาพยนตร์ไทยให้มากขึ้น

มะลิลาเองก็เป็นภาพยนตร์ที่ต้องผ่านการเดินทางอันยากลำบากมากมาย นุชี่ร่วมเขียนบทกับคุณวาสุเทพ เมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ในตอนเริ่มต้นต้องอาศัยความเชื่อมั่นในเรื่องราวที่อยากจะถ่ายทอด โดยในวันนั้นก็ไม่มีใครมองเห็นว่าหนังจะมีอนาคตอย่างไร ได้สร้างหรือไม่ ยังไม่ต้องคิดว่าจะมีคนดูหรือไม่ ขายได้หรือเปล่า แต่ก็ทุ่มเทมันสมองและประสบการณ์ชีวิตลงไปกันอย่างเต็มที่ เมื่อบทเสร็จ สิ่งที่ยากมากลำดับถัดไปก็คือ จะสร้างได้อย่างไร จะหาเงินมาจากไหน นุชี่และจีวิลเลจ รวมทั้งโปรดิวเซอร์ทุกคน ในเวลานั้นยังไม่สามารถที่จะหาทุนมาสร้างหนังเรื่องนี้ได้ เวลาผ่านไปหลายปี นุชี่จึงคิดว่าหมดหนทางแล้ว มีอยู่ทางเดียว คือนุชี่จะต้องนำบ้านไปจำนองกับธนาคารเพื่อเอาเงินมาสร้างภาพยนตร์

จริงๆ ได้ติดต่อธนาคารไว้หลายที่ เตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้ว เหลือแค่ดำเนินการให้เรียบร้อย แต่จังหวะนั้นโชคชะตาก็ส่งโปรเจค “อนธการ” เข้ามาให้นุชี่มีโอกาสได้ทำหนังเป็นเรื่องแรก คนที่ให้โอกาสก็เป็นเพื่อนพี่น้องในวงการนี่ล่ะค่ะ หนังเรื่องแรกจึงได้เกิดขึ้นและมีโอกาสต่อยอดมาถึงเรื่องมะลิลา ที่บางท่านได้รู้จักและหลายท่านอาจรู้จักมากขึ้นเมื่อวาน

มาถึง มะลิลา นุชี่ได้เรียนรู้ว่า สไตล์ทำหนังแบบศิลปะนั้น ยากที่จะมีคนมาดูมากมายจนสามารถเก็บเกี่ยวรายได้เพื่อคืนทุน นุชี่จึงตัดสินใจสู้ด้วยการนำพระเอกอันดับต้นๆ ของประเทศไทย คือ คุณเวียร์ ศุกลวัฒน์ และ คุณโอ อนุชิต มาเพื่อหวังจะดึงให้คนไทยสนใจภาพยนตร์แนวศิลปะมากขึ้น ซึ่งทั้งคู่ก็มอบการแสดงอันดีเยี่ยมเป็นที่กล่าวขวัญถึง นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนทุนสร้างจำนวนหนึ่งจากกระทรวงวัฒนธรรม และได้รับโอกาสให้นำโปรเจคไปนำเสนอที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ซึ่งได้รับการตอบรับดีพอสมควร จนในที่สุดสามารถสร้างภาพยนตร์ได้สำเร็จออกฉายที่เทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศ ได้รับรางวัลมากมาย

เมื่อมาฉายในประเทศไทย ได้ปรึกษากับเครือโรงหนังได้วันฉายเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งชนกับภาพยนตร์ Black Panther แต่ก็ต้องตัดสินใจสู้ต่อ ทั้งการต่อรองจำนวนโรงและการทำคอนเทนท์ประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบด้วยตัวเอง ตามกำลังทรัพย์ที่มี เพื่อเชิญชวนให้คนดูหันมาสนใจภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ ซึ่งภาพยนตร์ก็ได้รับกระแสชื่นชมในแง่บวกเป็นที่น่าพอใจในเรื่องของคุณภาพที่ตั้งใจสร้างสรรค์ คนดูจำนวนมากตีความภาพยนตร์ออกมาและได้รับแง่คิด ความงามของศิลปะไทย ความไม่จีรังของชีวิต ความทุกข์และความตายตามพุทธปรัชญา อย่างที่นุชี่ตั้งใจไว้ เมื่อจบโปรแกรมฉาย ได้รายได้เพียง 2.5 ล้านบาท แต่ก็ยังรวบรวมพลังใจทั้งหมดเดินทางเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต่อไปด้วยช่องทางอื่นๆ

จนในวันนี้ ได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติน่าภาคภูมิใจ นาทีที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือความรู้สึกอย่างจริงใจที่ต้องการให้เกิดการสนับสนุนสร้างโอกาสให้ภาพยนตร์ไทยมากขึ้น

สุดท้ายนี้ นุชี่อยากกราบขอโทษกระทรวงวัฒนธรรมที่ลืมพูดขอบคุณบนเวทีค่ะ ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆค่ะ นุชี่รู้สึกชื่นชมและทราบซึ้งใจอยู่เสมอที่อย่างน้อยยังมีหน่วยงานจากภาครัฐอย่างกระทรวงวัฒนธรรมมองเห็นให้การสนับสนุนหนังเรื่องมะลิลา แม้ว่าจะเล่าเรื่องประเด็นอ่อนไหวอย่างศาสนาและความหลากหลายทางเพศ แต่ก็ให้อิสระและเปิดโอกาสนุชี่ได้นำเสนอความงามของศิลปะภาพยนตร์อย่างเต็มที่ นุชี่ต้องขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ขอขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกท่านที่ทำงานจนอาจเรียกได้ว่าอุทิศตนให้กับหนังเรื่องนี้ รวมไปถึงทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนส่งเสริมภาพยนตร์เรื่องมะลิลา และขอขอบคุณคนดูทุกท่านด้วยค่ะ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook