เปิดใจผู้ใหญ่บ้านโพสต์ขู่ "นางฟ้าซาลอน" จนต้องย้ายจังหวัดหนี วอนฟังความจริงอีกด้าน

เปิดใจผู้ใหญ่บ้านโพสต์ขู่ "นางฟ้าซาลอน" จนต้องย้ายจังหวัดหนี วอนฟังความจริงอีกด้าน

เปิดใจผู้ใหญ่บ้านโพสต์ขู่ "นางฟ้าซาลอน" จนต้องย้ายจังหวัดหนี วอนฟังความจริงอีกด้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(17 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง นางฟ้าซาลอน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือนายอภิเดช ชุ่มศรี ผู้ป่วยมะเร็งที่คอระยะสุดท้าย พักอาศัยที่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 4 ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งโพสต์ข้อความและภาพ เกี่ยวกับความลำบากของครอบครัวดังกล่าวพร้อมทั้งระบุว่าครอบครัวดังกล่าวไม่มีหน่วยงานเข้าให้การช่วยเหลือ กระทั่ง นายประสพโชค ชูช่วย ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.เขาจ้าว ได้มาคอมเมนต์ตอบกลับว่า “นักข่าวทำข่าว ทำข่าวให้ดีหน่อยครับ ผมผู้ใหญ่หมู่ที่ไปทำข่าว ก่อนที่ไปทำข่าวทำไมมึงไม่บอกผม มันเดือดร้อน มึงเข้าใจเปล่า แน่จริงมึงมาใหม่”

ซึ่งชาวเน็ตต่างระบุว่าเป็นการใช้ข้อความที่ไม่สมควร คล้ายการข่มขู่คุกคาม และพบว่าต่อมา นางฟ้าซาลอน เจ้าของเพจดัง ได้ย้ายที่อยู่จาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังอยู่ที่ จ.นครราชสีมา แล้ว โดยอ้างว่ากลัวถูกคุกคามจนถึงแก่ชีวิต ยิ่งทำให้แฟนเพจจำนวนมากยิ่งเข้ามาด่าทอและประณามผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว

>> "นางฟ้าซาลอน" ถูกขู่คุกคามหลังลงพื้นที่ช่วยคนป่วย ต้องหนีอิทธิพลมืดกลับบ้านเกิด

โดยล่าสุดวันนี้ นายประสพโชค ชูช่วย ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.เขาจ้าว พร้อมด้วย นายเพชรพร โกมลฤทธิ์ กำนัน ต.เขาจ้าว , ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.4 อีก 2 ราย และผู้ใหญ่บ้าน ม.2 เดินทางเข้าพบ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายอำเภอปราณบุรี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยมีชาวบ้านหมู่ที่ 4 อีกกว่า 30 คนที่ทราบข่าวได้เดินทางมาให้กำลังใจผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอปราณบุรีด้วย

นายประสพโชค ชูช่วย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านท่าวังหิน ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่า อาจจะพิมพ์ข้อความที่รุนแรงไป แต่เพราะตนรู้สึกโมโหและไม่พอใจที่ถูกเข้าใจผิด หลังมีชาวบ้านส่งต่อข้อมูลของเพจนางฟ้าซาลอน มาให้อ่าน พบว่าข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก ประกอบกับในช่วงเวลาที่นางฟ้าซาลอนลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ไม่ได้สอบถามข้อเท็จจริงจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่แต่อย่างใด ตนจึงมองว่าไม่ถูกต้อง ส่วนข้อความดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาข่มขู่คุกคาม แต่หากถ้อยคำตนรุนแรงไปตนก็ขอโทษด้วย เพียงแต่อยากให้กลับมาพื้นที่เพื่อรับฟังข้อมูลที่ถูกต้องจากตนเองเท่านั้น

ข้อความที่ผู้ใหญ่บ้านโพสต์ในเพจ นางฟ้าซาลอน

สำหรับครอบครัวดังกล่าวนั้น ตนลงพื้นที่ร่วมกับทุกหน่วยงาน ตั้งแต่ กำนันผู้ใหญ่บ้าน กาชาด ทหาร กอ.รมน. อำเภอปราณบุรี และระดับจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ทำให้มีข่าวออกไปตามสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และมีเงินบริจาคกลับเข้ามาในบัญชีเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องเงินเป็นเรื่องที่ทางครอบครัวผู้ป่วยจะจัดสรรกันเอง เพื่อนำเงินไปรักษาผู้ป่วยและใช้จ่าย หน่วยงานราชการไปช่วยตลอด มีการบันทึกภาพการช่วยเหลือเพื่อรายงานนายอำเภอทราบในกลุ่มไลน์ของกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอปราณบุรีทุกครั้ง พอมาเขียนข่าวในลักษณะว่าไม่เคยช่วยเหลือ ทำให้รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ทางด้านนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายอำเภอปราณบุรี กล่าวว่า หลังทราบเรื่องดังกล่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า สำหรับประเด็นการใช้ถ้อยคำในการโพสต์ข้อความตอบกลับเพจดัง ของผู้ใหญ่บ้านนั้น ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมจริง เบื้องต้นตนได้ตักเตือนผู้ใหญ่บ้าน ม.4 แล้ว ส่วนกรณีการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วยมะเร็งที่คอระยะสุดท้ายนั้น ทางอำเภอรับทราบมาโดยตลอด เพราะมีการให้การช่วยเหลือ ผ่านกิ่งกาชาดอำเภอปราณบุรี กำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานระดับจังหวัด อาทิ กอ.รมน., ปภ.จังหวัด, และล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังได้ลงพื้นที่ไปให้การช่วยเหลือ

หน่วยงานต่างๆ เข้าช่วยเหลือครอบครัวของผู้ป่วย

ในส่วนของข้อมูลที่ระบุว่า หน่วยงานในพื้นที่ไม่ดูแลนั้น คงไม่เป็นความจริง แต่ทั้งนี้ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนจะนำเข้าแจ้งในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านประจำเดือน เพื่อแจ้งให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ในอำเภอปราณบุรีได้ทราบและถือปฏิบัติในทางเดียวกัน เวลาออกให้การช่วยเหลือครอบครัวยากจนหรือผู้ป่วยในกรณีต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก

ส่วนกรณีเพจดัง นางฟ้าซาลอน นั้น หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทางอำเภอปราณบุรี ได้พยายามติดต่อขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง 2 วันแล้ว แต่พบว่าทางเพจยังไม่สะดวกให้เบอร์โทรศัพท์ จึงยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงใดๆ

อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนมีข่าวนางฟ้าซาลอนนั้น นายอภิเดช ชุ่มศรี ผู้ป่วยมะเร็งที่คอระยะสุดท้าย พร้อมด้วย นางสำลี ทองไพรแจง ภรรยา และลูก หลาน รวม 7 คน พักอาศัยอยู่ในบ้านที่ หมู่ 4 บ้านท่าวังหิน ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้นำชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ได้ลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือมานานจนปรากฏเป็นข่าวหลายครั้ง ทำให้มีธารน้ำใจจากจากหน่วยงานทั้งส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนที่ติดตามข่าวได้ร่วมบริจาค เข้าบัญชีธนาคารของครอบครัวนายอภิเดช จำนวน 2 บัญชี ล่าสุดมีเงินบริจาครวมแล้วกว่า 1 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook