ความเชื่อได้ไปต่อ! ชาวบ้านยังแห่ตัก "โคลนลาวา" ดื่มกินพอกรักษาโรค ไม่สนคำเตือนอันตราย

ความเชื่อได้ไปต่อ! ชาวบ้านยังแห่ตัก "โคลนลาวา" ดื่มกินพอกรักษาโรค ไม่สนคำเตือนอันตราย

ความเชื่อได้ไปต่อ! ชาวบ้านยังแห่ตัก "โคลนลาวา" ดื่มกินพอกรักษาโรค ไม่สนคำเตือนอันตราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปรากฏการณ์ลาวาโคลนผุดกลางทุ่งนาบ้านหนองกุงน้อย ตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์จากธรรมชาติทำให้มีความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมความแปลกทางธรณีวิทยากันเป็นจำนวนมาก อีกด้านหนึ่งก็มีนักท่องเที่ยวนักเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงและผู้แสวงหาการรักษาโรคแผนโบราณได้เดินทางเข้าไปเที่ยวชมพร้อมทั้งนำโคลนและน้ำที่ผุดขึ้นมาพอกตามตัว ใบหน้า รวมถึงบางรายนำน้ำไปดื่มกินเพราะมีความเชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคได้ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

>> เตือนชาวบ้านแห่ตัก "โคลนผุด" พอกตัวแก้ปวด เสี่ยงสารปนเปื้อน-เข้าใกล้ระวังโดนดูด

ถึงแม้จะมีหน่วยงานจากภาครัฐทั้งกรมทรัพยากรธรณี สาธารณสุข กรมควบคุมโรค หน่วยงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างโคลนที่ผุดขึ้นมาพร้อมมีการขึ้นป้ายตักเตือนถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการนำโคลนไปใช้ประโยชน์ก่อนที่จะมีผลการวิจัยอย่างละเอียดเสียก่อน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากชาวบ้านสักเท่าไรยังคงมีการพกขวดเปล่าเข้ามาตักน้ำที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับลาวาโคลนกันอย่างต่อเนื่องมีการนำโคลนมาพอกตามตัว ใบหน้า รวมถึงบริเวณที่เจ็บปวด เพราะเชื่อตามคำบอกเล่าปากต่อปากว่าสามารถรักษาโรคให้หายได้

จากการสอบถามนายมานะ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ตนเองเลี้ยงควายอยู่บริเวณนี้เป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านในแถบนี้รู้กันดีว่าบริเวณนี้มักจะมีน้ำผุดขึ้นจากพื้นดิน ซึ่งในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านก็ได้อาศัยน้ำแหล่งนี้ในการดื่มกินในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งก็ไม่เคยมีใครได้รับผลกระทบต่อร่างกาย หนำซ้ำยังทำให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่นถ้ามองในมุมกลับกันน้ำที่ผุดขึ้นมาอาจจะมีแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหรืออาจจะเป็นน้ำแร่ก็ได้ ซึ่งต้องทำความเข้าใจ

ก่อนว่าชาวบ้านกินน้ำที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับโคลนซึ่งก่อนกินก็จะมีการกรองให้ใสสะอาดก่อนไม่ใช่ว่ากินดินโคลนตามที่มีการเข้าใจกัน แต่สำหรับบางคนอาจจะมีความเชื่อในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใช้รักษาโรคก็ถือเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook